ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง ตอนที่ ๑๐

วันที่เผยแพร่
27/10/2565

ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง ตอนที่ ๑๐

“แนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาเกี่ยวกับผู้สมัครรับเลือกตั้งกับการสังกัดพรรคการเมือง (ต่อ)”

          จากตอนที่แล้วได้เสนอแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกา กรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องสังกัดพรรคการเมือง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ กำหนดให้ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา ๙๗ (๓) เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ระยะเวลาเก้าสิบวันดังกล่าวให้ลดลงเหลือสามสิบวัน ในครั้งนี้จึงได้นำตัวอย่างแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกา กรณีเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวจะซ้ำซ้อนกันไม่ได้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไป

แนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกา กรณีมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมืองซ้ำซ้อนกัน

          คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๕๕/๒๕๖๒ ผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรค ป. ได้ยืนยันความเป็นสมาชิกพรรค ป. และชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองปรากฏว่า ผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรค ป. เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ แสดงว่าในวันที่ผู้ร้องสมัครเป็นสมาชิกพรรค ท. คือวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ นับจนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง ผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ๒ พรรคซ้ำซ้อนกัน 

          คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๑๒๙/๒๕๖๒ เดิมผู้ร้องเป็นสมาชิก พรรค ช. ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ และยังไม่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ช. ผู้ร้องมาสมัครเป็นสมาชิก พรรค ภ. และได้ชำระเงินค่าบำรุงพรรคเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ แต่ทางพรรคเห็นว่าผู้ร้องเป็นสมาชิก พรรค ช. จึงให้ผู้ร้องไปลาออกเสียก่อน ผู้ร้องไปลาออกแล้วเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แล้ว พรรค ภ. ได้ออกใบเสร็จรับเงินค่าบำรุงพรรคให้ผู้ร้องเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ นั้น การยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแล้วรอออกใบเสร็จรับเงินให้ภายหลังตามความพอใจของพรรคการเมือง และถือว่าสมาชิกภาพของสมาชิกเริ่มขึ้นนั้น อาจกระทบกระเทือนสิทธิของผู้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นเองและผู้สมัครอื่นได้ และมีแต่ความไม่แน่นอน กรณีผู้ร้อง พรรค ภ. ออกใบเสร็จรับเงินค่าบำรุงพรรคช้าไปเดือนเศษถือเป็นเรื่องผิดปกติวิสัย เมื่อ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๗ บัญญัติให้สมาชิกภาพของสมาชิกเริ่มตั้งแต่ได้ชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองตามที่กำหนดในข้อบังคับแล้ว ผู้ร้องได้ชำระค่าบำรุงพรรคตลอดชีพแก่ทางพรรค ภ. และพรรครับเงินไว้แล้วตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ ดังนี้ การเป็นสมาชิกพรรค ภ. ของผู้ร้องเริ่มต้นนับแต่วันดังกล่าว ขณะเดียวกันที่ผลการตรวจสอบสมาชิกพรรคการเมืองเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ที่พรรค ช. เป็นผู้บันทึกข้อมูลสมาชิกเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองก็ยังระบุว่าผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรค ช. เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ ผู้ร้องจึงเป็นสมาชิกพรรคการเมืองซ้ำซ้อนกัน ๒ พรรค

          คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๔๒๘/๒๕๖๒ ขณะที่ผู้ร้องสมัครเป็นสมาชิกพรรค ท. เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ยังปรากฏหลักฐานจากฐานข้อมูลของพรรคการเมืองว่า ผู้ร้องยังเป็นสมาชิกพรรค ภ. และสิ้นสุดการเป็นสมาชิกพรรค ภ. ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ตามผลการตรวจสอบสมาชิกพรรคการเมืองของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่บันทึกเข้าระบบข้อมูลพรรคการเมืองโดยพรรคการเมืองจะเป็นผู้นำข้อมูลบันทึกเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลของพรรคการเมืองเอง ผู้ร้องอ้างว่า ได้ส่งหนังสือรับรองการลาออกจากพรรค ภ. และใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ภ. ลงวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เห็นว่า ผู้ร้องควรจะต้องแจ้งการลาออกต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของพรรคการเมืองตามที่กฎหมายบัญญัติ และดำเนินการแก้ไขข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองให้ถูกต้องตามความเป็นจริง แต่ผู้ร้องก็มิได้ทำเช่นนั้น คดีมีเหตุผลน่าเชื่อว่าหลักฐานที่ผู้ร้องอ้างเป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นภายหลังที่ผู้คัดค้านได้ทำการตรวจคุณสมบัติของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นสมาชิกพรรคการเมืองซ้ำซ้อน ๒ พรรคการเมือง ที่ผู้คัดค้านไม่ประกาศรายชื่อผู้ร้องชอบแล้ว 

          คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๐๗๑/๒๕๖๒ ผู้ร้องเคยสมัครเป็นสมาชิกพรรค ค. และยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคต่อรองหัวหน้าพรรค มิได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกหรือนายทะเบียน สมาชิกภาพของผู้ร้องจึงหาสิ้นสุดลงไม่เพราะการลาออกจากพรรค ค. ของผู้ร้องนั้นยังไม่สมบูรณ์ตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๗ วรรคสอง และผลการตรวจสอบระบบฐานข้อมูลพบว่าผู้ร้องพ้นจากสมาชิกภาพพรรค ค. เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ แต่ผู้ร้องได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค ศ. เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ แสดงว่าในระหว่างวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ๒ พรรคการเมืองซ้ำซ้อนกัน 

          คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๒๓๖/๒๕๖๒ ผู้ร้องรับสมัครผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง สังกัดพรรค ท. ผู้ร้องตรวจหลักฐานแล้วจึงประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต่อมาผู้ร้องตรวจสอบข้อมูลในระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองพบผู้คัดค้านยังคงเป็นสมาชิกพรรค ป. ผู้ร้องจึงมีหนังสือสอบถามไปยังนายทะเบียนพรรค ป. แจ้งมายังผู้ร้องว่าผู้คัดค้านยังคงเป็นสมาชิกพรรค ป. อยู่โดยมีการยืนยันสมาชิกและชำระค่าบำรุงพรรคเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ อันมีผลเท่ากับว่าผู้คัดค้านยังมีสถานภาพเป็นสมาชิกพรรค ป. ในวันที่ผู้คัดค้านสมัครเป็นสมาชิกพรรค ท. เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซ้ำซ้อนกัน 

  แผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา

ตุลาคม ๒๕๖๕


เผยแพร่โดย

แผนกคดีเลือกตั้ง

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่