ในคดียาเสพติด ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้กำหนดโทษใหม่ จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นขอให้กำหนดโทษใหม่ได้หรือไม่

ในคดียาเสพติด ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้กำหนดโทษใหม่ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นขอให้กำหนดโทษใหม่ได้หรือไม่

ในกรณีดังกล่าวคำสั่งคำร้องที่ ป.๙๗๓/๒๕๖๖ ได้วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๔ ปี ๑๔ เดือน และปรับ ๓๐๐,๐๐๐ บาท คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอให้กำหนดโทษใหม่ตามกฎหมายยาเสพติด ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอให้กำหนดโทษใหม่ของจำเลย คดีจึงอยู่ระหว่างการบังคับโทษตามคำพิพากษา ในชั้นนี้จำเลยไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้อีก ให้ยกคำร้อง

ดังนั้น ในคดียาเสพติดที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยและคดีถึงที่สุดแล้ว แม้อยู่ในชั้นขอให้กำหนดโทษใหม่ จำเลยก็ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวได้อีก

 

ผู้เขียน  นางอัญญรัตน์ รัตกิจนากร  ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ผู้ตรวจ  นายอนุรักษ์ บุญนิธี  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๖


เผยแพร่โดย

แผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่