การยื่นคำร้องต่อประธานศาลฎีกาเพื่อขอโอนคดีตามป.วิ.อ. มาตรา 26 ต้องมีคดีอยู่ในระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาของศาล

คดีอาญาที่ศาลมีคำสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องเพื่อรอฟังผลคดีอาญาอื่นของศาลชั้นต้นและให้จำหน่ายคดีชั่วคราว หากคดีอาญาดังกล่าวมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องต่อไปนั้น โจทก์จะยื่นคำร้องอ้างเหตุขอโอนคดีไปศาลอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๖ ได้หรือไม่

การยื่นคำร้องต่อประธานศาลฎีกาเพื่อขอโอนคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๖ ต้องมีคดีอยู่ในระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาของศาล คดีอาญาที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อรอฟังผลคดีอาญาอื่น ถือว่าไม่มีคดีอยู่ระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาของศาล จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ประธานศาลฎีกาจะพิจารณาสั่งโอนคดีไปศาลอื่นได้ ทั้งนี้ ตามคำสั่งคำร้องที่ ท. ๖๒๙/๒๕๖๖

 

 

                  ผู้เขียน  นางอัญญรัตน์ รัตกิจนากร  ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ผู้ตรวจ  นายสมศักย์ ธรรมชัยเดชา  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๗


เผยแพร่โดย

แผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่