เหตุเกิดเมื่อผู้จัดการมรดกตาย
หลังจากศาลแต่งตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งให้เป็นผู้จัดการมรดกทำหน้าที่แบ่งปันทรัพย์จากกองมรดกให้แก่ทายาทแล้ว หากผู้จัดการมรดกตายไปก่อนที่จะจัดการมรดกเสร็จสิ้น สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกคนดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคนๆ นั้น ย่อมสิ้นสุดลงไปด้วย แต่ปรากฏบ่อยครั้งว่า สามี ภริยา หรือบุตรซึ่งทายาทของผู้จัดการมรดกที่ตายไปเข้าใจว่าสิทธิและหน้าที่ดังกล่าวตกทอดถึงตนให้มีอำนาจทำหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดกแทนได้ ซึ่งไม่ถูกต้อง เช่นนี้การจัดการมรดกต้องกลับไปเริ่มต้นกระบวนการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีการตั้งผู้จัดการมรดกคนใหม่
สำหรับกรณีขอศาลตั้งผู้จัดการมรดกไว้หลายคน ซึ่งมักใช้ในกองมรดกที่มีทายาทหลายคนแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย หรือทายาทแต่ละคนไม่ไว้ใจกัน ถ้าผู้จัดการมรดกคนใดคนหนึ่งตายไป แม้ยังมีผู้จัดการมรดกคนอื่นเหลืออยู่ แต่ผู้จัดการมรดกคนที่เหลือก็ไม่อาจจัดการมรดกตามลำพังต่อไปได้ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒๖ การจัดการมรดกจะต้องจัดการร่วมกันโดยถือเอาเสียงข้างมาก เมื่อขาดสมาชิกที่จะลงคะแนนไปหนึ่งคนแล้วน่าจะถือว่าการลงคะแนนเสียงโดยครบองค์ประชุมไม่ได้ บรรดาทายาททั้งหลายคงต้องกลับไปดำเนินกระบวนการตั้งผู้จัดการมรดกใหม่ทั้งหมดอีกเช่นกัน แต่ผู้จัดการมรดกคนเดิมที่เหลืออยู่อาจเข้ามาเป็นผู้จัดการมรดกอีกได้ ไม่มีข้อห้ามไว้
อย่างไรก็ตาม ข้อที่ควรระวังที่แตกต่างจากกรณีทั่วไปได้แก่ ถ้าระหว่างผู้จัดการมรมดกมีชีวิตอยู่ได้ดำเนินการแบ่งทรัพย์มรดกให้ทายาทโดยมิชอบเข้าแล้ว ต่อมาแม้ผู้จัดการมรดกคนนั้นตาย ความรับผิดที่ผู้จัดการมรดกดำเนินการผิดพลาดไปจะไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ไปด้วย ย่อมตกแก่ทายาทของผู้จัดการมรดก ซึ่งอาจถูกฟ้องร้องให้เข้ามารับผิดชอบได้ ทายาทของผู้จัดการมรดกจะเรียกร้องให้ตั้งผู้จัดการมรดกคนใหม่มารับผิดชอบแทนไม่ได้ (แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๘๒๔-๗๘๒๕/๒๕๔๗, ๑๖๔๒/๒๕๔๓)
ผู้เขียน นายภาณุ อุทโยภาศ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ตรวจ นายเอื้อน ขุนแก้ว ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา