ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาคที่เข้าร่วมประชุมใหญ่ในที่ประชุมใหญ่ ฯ จะอนุญาตให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้หรือไม่

คดีอาญาที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาคที่เข้าร่วมประชุมใหญ่ในที่ประชุมใหญ่ของศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคจะอนุญาตให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๑ ได้หรือไม่ 

 

       
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคที่เข้าร่วมพิจารณาในที่ประชุมใหญ่ของศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค ไม่ใช่ผู้พิจารณาและไม่ใช่ผู้ลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค จึงอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๑ คงมีอำนาจพิพากษา ทำคำสั่งหรือทำความเห็นแย้งในคดีที่เข้าร่วมประชุมใหญ่เท่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๐๘ ทวิ วรรคสี่ ทั้งนี้ ตามคำสั่งคำร้องที่ ๖๕๐-๖๕๑/๒๕๖๖

 

 

             

                  ผู้เขียน  นางอัญญรัตน์ รัตกิจนากร  ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ผู้ตรวจ  นายสมศักย์ ธรรมชัยเดชา  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗

                                                                       

 


เผยแพร่โดย

แผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่