ความรุนแรงในครอบครัว

วันที่เผยแพร่
07/06/2564

ความรุนแรงในครอบครัว

 

        ความรุนแรงในครอบครัว หมายถึง การกระทำใด ๆ โดยมุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพ หรือกระทำโดยเจตนาในลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพของบุคคลในครอบครัว หรือบังคับหรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมให้บุคคลในครอบครัวต้องกระทำการ ไม่กระทำการ หรือยอมรับการกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบ แต่ไม่รวมถึงการกระทำโดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๑๕๔/๒๕๖๑

              โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมาที่บ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยของโจทก์และบุตรผู้เยาว์ นำกระดาษมาติดหน้าบ้านจนเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ตะโกนโวยวายหน้าบ้าน นำลูกโป่งมาติดบริเวณรั้วหน้าบ้าน โยนสิ่งของเข้าไปในบ้าน กดกริ่งหน้าบ้านนาน ๆ ทั้งโยนลูกโป่งเข้ามาในบ้านทำให้แตกเสียงดัง นำลูกโป่งไปติดที่รถยนต์ของมารดาโจทก์ด้านคนขับ ในเวลาที่มารดาโจทก์จะไปรับบุตรผู้เยาว์จากโรงเรียน ขับรถยนต์ปาดหน้ารถยนต์มารดาโจทก์และขับรถกดดันไล่ตามรถยนต์มารดาโจทก์ อันเป็นการมุ่งประสงค์ให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ สุขภาพกาย สุขภาพจิตของบุคคลในครอบครัวโจทก์ หรือเพื่อเป็นการบังคับหรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมให้บุคคลในครอบครัวของโจทก์ต้องกระทำการ ไม่กระทำการ หรือยอมรับการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งของจำเลยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย มีลักษณะเป็นการก่อให้เกิดความรุนแรงในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑

               ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

               จำเลยให้การปฏิเสธ

               ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔ ปรับ ๖,๐๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙,๓๐

               จำเลยอุทธรณ์

               ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษายืน

               จำเลยฎีกา

            ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว เห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓ ได้นิยามความหมายความรุนแรงในครอบครัวไว้ว่า หมายถึง การกระทำใด ๆ โดยมุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพ หรือกระทำโดยเจตนาในลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพของบุคคลในครอบครัว หรือบังคับหรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมให้บุคคลในครอบครัวต้องกระทำการ ไม่กระทำการ หรือยอมรับการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบ แต่ไม่รวมถึงการกระทำโดยประมาท จากบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น กฎหมายได้แยกองค์ประกอบความผิดออกเป็นหลายประการด้วยกัน เนื่องจากการกระทำความรุนแรงในครอบครัวมีลักษณะการกระทำความผิดได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะกระทำต่อผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อมุ่งประสงค์หรือมีเจตนาที่จะให้ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรง ได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย  จิตใจ สุขภาพ หรือจำต้องกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดโดยฝ่าฝืนใจ โดยมิชอบเพราะถูกข่มเหงบังคับ หรือใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมให้จำต้องกระทำการ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่า การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีนำกระดาษเขียนข้อความติดที่หน้าบ้านโจทก์ซึ่งเป็นภริยาคู่สมรสเดิมจนสีกะเทาะร่อน สีและปูนผนังรั้วเสียหาย ส่งเสียงตะโกนโวยวายหน้าบ้านโจทก์ วิ่งวนไปวนมาหน้าบ้าน นำลูกโป่งและสิ่งของมาผูกวางไว้หน้าบ้านและโยนเข้าไปในบ้านของโจทก์ และกดกริ่งหน้าบ้านโจทก์เป็นเวลานาน ๆ จนกริ่งไฟฟ้าเสียหาย เพื่อให้โจทก์ส่งมอบหรือบังคับให้ลูกออกมาพบหรือมาพูดคุยกับจำเลย เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามจำเลยก็ไม่ยุติการกระทำดังกล่าว เป็นการที่จำเลยใช้สิทธิที่มีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการรบกวนความเป็นปกติสุขของโจทก์ ยังเป็นการบังคับ หรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมที่เป็นการฝ่าฝืนศีลธรรมจรรยาอันดีของประชาชน ผิดวิสัยของวิญญูชนทั่วไปจะพึงปฏิบัติกัน เพื่อบีบคั้นให้โจทก์ผู้เป็นมารดาผู้เยาว์จำต้องกระทำ คือ พาผู้เยาว์ออกมาพบหรือพูดคุยกับจำเลยตามที่จำเลยต้องการด้วยวิธีการโดยมิชอบ จำเลยกระทำต่อโจทก์ที่เป็นคู่สมรสเดิมซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวตามความหมายของมาตรา ๓ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานกระทำความรุนแรงในครอบครัวตามมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง

                อนึ่ง จำเลยนำสืบรับข้อเท็จจริงทั้งหมด เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไม่ลดโทษปรับให้แก่จำเลยนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา จึงเห็นสมควรแก้ไข และที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยโดยไม่ระบุวรรค และศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มิได้มีคำพิพากษาแก้ไข จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

               พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง ลงโทษปรับ ๖,๐๐๐ บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงปรับ ๓,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑

 

แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา

มิถุนายน ๒๕๖๔


เผยแพร่โดย

แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่