การออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด

        การออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในคดีอาญาที่คู่ความยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ฎีกา แต่คู่ความมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาตามที่ได้ขอขยายระยะเวลาไว้

         ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง คำว่า “ระยะเวลาเช่นว่านั้นได้สิ้นสุดลง” หมายถึง ระยะเวลาสิ้นสุดที่กำหนดโดยกฎหมาย คือเมื่อครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คู่ความฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๘ และมาตรา ๒๑๖ ในกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ฎีกา และคู่ความมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาตามที่ได้ขอขยายระยะเวลาไว้ ในการออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดย่อมต้องกลับไปใช้ระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดโดยกฎหมายเพื่อมิให้จำเลยผู้ต้องถูกบังคับโทษทางอาญาต้องเสียสิทธิที่จะพึงได้รับตามกฎหมายราชทัณฑ์

         คดีนี้ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ถึงที่ ๖ ฟังเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม  ๒๕๕๘ อ่านให้โจทก์ฟังเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาไปถึงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ศาลชั้นต้นอนุญาต แต่โจทก์ไม่ได้ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้จำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘  โดยระบุว่าคดีถึงที่สุดวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เป็นการไม่ชอบ เนื่องจากเป็นการนำระยะเวลาที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ขยายฎีการวมเข้าด้วย จำเลยที่ ๒ ย่อมสามารถใช้สิทธิฎีกาได้จนถึงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ แต่วันดังกล่าวเป็นวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ระยะเวลาฎีกาของจำเลยที่ ๒ จึงสิ้นสุดวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ อันเป็นวันเริ่มทำการใหม่ แม้จำเลยที่ ๑ ที่ ๔ และที่ ๕ จะมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงให้แก้ไขหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ และที่ ๕ โดยระบุให้ถึงที่สุดนับแต่วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘  (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๙๑๗/๒๕๖๔ ประชุมใหญ่)

 

 

 

 

ผู้เขียน  นางสุรัชดา เตชะภาสรนันทน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ผู้ตรวจ  นายธานี  สิงหนาท  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา


เผยแพร่โดย

แผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่