ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่

ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ หรือไม่

          ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐  บัญญัติว่า ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์

           มาตรานี้เป็นบทบัญญัติจำกัดสิทธิฎีกาของคู่ความทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย (คำสั่งคำร้องที่ ท. ๗๗๒/๒๕๕๘) ซึ่งนำมาใช้ในชั้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งไม่ประทับรับฟ้องหรือยกฟ้อง (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๒๙๔/๒๕๔๙, ๓๒๗๐/๒๕๔๗) และนำมาใช้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องด้วย (คำสั่งคำร้องที่ ท.๑๒๐๖/๒๕๕๙) 

            มีปัญหาว่า หากคู่ความฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย จะต้องห้ามฎีกาตามมาตรานี้ด้วยหรือไม่ 

          ในประเด็นนี้มีคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ ท.๑๒๗๑/๒๕๕๙ ซึ่งเป็นกรณีคดีต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ถูกต้องแล้ว ศาลชั้นต้นต้องไต่สวนมูลฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๒ จึงจะพิพากษายกฟ้องได้ การที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด ต้องพิจารณาในชั้นพิจารณา มิใช่พิจารณาในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและโจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบเพื่ออธิบายเอกสารทั้งหมดให้ศาลเห็นว่าจำเลยทั้งเจ็ดกระทำผิดจริงหรือไม่อันเป็นปัญหาสำคัญควรขึ้นสู่ศาลฎีกา ขอให้ศาลฎีการับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณา

             ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า 

            ...เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ก็ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕ และคดีนี้ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยทั้งเจ็ดกับพวกรวม ๘ คน ไม่ยอมตรวจรับงานก่อสร้างของโจทก์เป็นเพราะโจทก์ส่งมอบงานที่ก่อสร้างไม่ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในสัญญา คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ แม้คดีจะยังไม่ได้ไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม ก็ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ แม้โจทก์อ้างว่าฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและเป็นปัญหาสำคัญควรสู่ศาลฎีกาก็ตาม ก็ต้องห้ามไม่ให้โจทก์ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อคดีไม่มีเหตุให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๑ ศาลฎีกาก็ไม่อาจรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาได้.. (มีคำร้องศาลฎีกาที่ ท.๙๙๗/๒๕๓๘ ซึ่งวินิจฉัยในทำนองเดียวกัน)

            ดังนี้ กรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐  แม้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ก็ต้องห้ามฎีกาเช่นกัน

                                                          

ผู้เขียน  นางกองแก้ว ว่องพิสุทธิพงศ์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ผู้ตรวจ  นายธานี สิงหนาท ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา


เผยแพร่โดย

แผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
แนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ตอนที่ 1)

ทำความรู้จัก "Incoterms 2020" ตอนที่ 1

แนวทางการปรับใช้หลักกฎหมายเรื่อง การเรียกค่าทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่

“ข้อพิจารณาในการรอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ : ศึกษาเงื่อนไขประวัติการรับโทษจากคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อม ๑๙/๒๕๖๘”
ตัวการในคดีความผิดเกี่ยวกับป่าไม้