คดีละเมิดรถเฉี่ยวชนกัน จำเลยมักต่อสู้ว่า ฝ่ายโจทก์มีส่วนประมาทด้วย หากศาลรับฟังข้อเท็จจริงว่า ฝ่ายโจทก์มีส่วนประมาทด้วย จะมีผลต่อค่าสินไหมทดแทนที่ฝ่ายโจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากฝ่ายจำเลยแค่ไหน เพียงใด
๑. ศาลรับฟังข้อเท็จจริงว่าฝ่ายโจทก์กับฝ่ายจำเลยต่างฝ่ายต่างประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน โจทก์จะเรียกค่าเสียหายไม่ได้ ต้องพิพากษายกฟ้อง (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๘๐/๒๕๔๘, ๖๙๖๔/๒๕๖๑)
๒. ศาลรับฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ประมาทมากกว่าจำเลย ต้องพิพากษายกฟ้อง มิใช่กำหนดให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์แต่ปรับลดค่าสินไหมทดแทนลง (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๘๖๔/๒๕๔๖, ๔๖๔๑/๒๕๕๘)
๓.กรณีที่ศาลฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์มีส่วนประมาท แต่จำเลยประมาทมากกว่า ศาลจะกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ โดยอาจกำหนดเป็นสัดส่วนความรับผิดก่อนแล้วจึงกำหนดจำนวนเงินที่จำเลยต้องรับผิด หรือกำหนดเป็นจำนวนเงินไปเสียทีเดียว (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๑๕๑๘/๒๕๕๗)