ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๖ วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติถึงประเภทของนิติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสินสมรสที่สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่าย แต่การซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนหุ้นตลอดจนการก่อตั้งทรัสต์เป็นการจัดการสินสมรสนอกจากกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๖ วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ จำเลยหรือโจทก์ย่อมมีอำนาจจัดการได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย แต่การจัดการสินสมรสจะต้องจัดการด้วยความระมัดระวังไม่ให้เป็นที่เสียหายและต้องไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความเสียหายแก่สินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๖ วรรคสอง และ มาตรา ๑๔๘๔ (๑) (๕)
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๙๓/๒๕๖๔
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกัน มีบุตร ๓ คน ในระหว่างสมรสจำเลยโอนเงินสดและหุ้นของบริษัทให้แก่บุคคลในต่างประเทศโดยไม่บอกกล่าวหรือปรึกษาโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการจัดการสินสมรสเป็นที่เสียหาย ขัดขวางการจัดการสินสมรสของโจทก์โดยไม่มีเหตุอันควร เพราะโจทก์ต้องสูญเสียกรรมสิทธิ์และอำนาจในการจัดการในเงินและหุ้นดังกล่าว และจำเลยยังไปจัดตั้งทรัสต์ในต่างประเทศทำให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลภายนอก ทำให้เกิดความหายนะขึ้นแก่สินสมรสของโจทก์ฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๘๔(๕) และเป็นการจัดการสินสมรสเสียหายถึงขนาดตามมาตรา ๑๔๘๔(๑) ขอให้บังคับจำเลยแยกสินสมรสออกกึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์มีอำนาจจัดการสินสมรสที่แยกออกดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว หากจำเลยไม่สามารถแบ่งสินสมรสรายการใด ให้จำเลยใช้ราคาตามมูลค่าของทรัพย์สินนั้นแทน หากจำเลยเพิกเฉย ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยมิได้จัดการสินสมรสเสียหายถึงขนาดหรือทำความหายนะแก่สินสมรสแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า ให้แยกสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลย ให้จำเลยโอนหุ้นให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง และให้ถือว่าหุ้นที่โจทก์มีชื่อถือครองอยู่แล้วเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นที่จำเลยต้องโอนให้โจทก์ข้างต้น หากจำเลยไม่ปฎิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้แจ้งนายทะเบียนจดแจ้งไว้ในทะเบียนสมรส นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินมาแก่โจทก์
จำเลยฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๖ วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติถึงประเภทนิติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสินสมรสที่สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง แต่การซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนหุ้นตลอดจนการก่อตั้งทรัสต์เป็นการจัดการสินสมรสนอกจากกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ๑๔๗๖ วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ จำเลยหรือโจทก์ย่อมมีอำนาจจัดการได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย แต่การจัดการสินสมรสจะต้องจัดการด้วยความระมัดระวังไม่ให้เป็นที่เสียหายและต้องไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความเสียหายแก่สินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๖ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๘๔ (๑) (๕) และตามพฤติการณ์ที่จำเลยปรึกษาหารือโจทก์มาโดยตลอดและมีข้อเสนอต่างๆให้โจทก์เลือกแต่โจทก์กลับไม่ตอบรับข้อเสนอใดๆของจำเลยบ่งชี้ให้เห็นถึงความสุจริตใจของจำเลยว่าจำเลยกระทำไปก็เพื่อดูแลทรัพย์สินของครอบครัว มิใช่เป็นการขัดขวางการจัดการสินสมรสของโจทก์ ทั้งนี้เพราะจำเลยมีความสามารถในการทำนิติกรรมใดๆเกี่ยวกับหุ้นได้โดยลำพังอยู่แล้ว นอกจากนี้จำนวนหุ้นที่จำเลยนำไปจัดตั้งทรัสต์มีจำนวนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของหุ้นบริษัท ข้ออ้างโจทก์จึงไม่อาจรับฟังได้ อีกทั้งในปัจจุบันภายใต้ระบบกฎหมายไทยมิได้ยอมรับให้มีการจัดตั้งทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สิน จำเลยจึงต้องโอนหุ้นไปจัดตั้งทรัสต์ในต่างประเทศ ทั้งทรัสต์ที่จำเลยก่อตั้งขึ้นก็เป็นทรัสต์ประเภทเพิกถอนได้ เมื่อมีการเพิกถอนแล้วหุ้นก็จะถูกโอนคืนมาให้จำเลยถือครองในระหว่างสมรสเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการจัดการสินสมรสเป็นที่เสียหายถึงขนาด หรือเป็นการขัดขวางการจัดการสินสมรสของโจทก์ หรือมีพฤติการณ์ปรากฎว่าจะทำความหายนะให้แก่สินสมรสอันเป็นเหตุให้ต้องแยกสินสมรสตามคำฟ้องโจทก์ ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลในชั้นศาลชั้นต้นและะชั้นอุทธรณ์ที่เสียเกินมาแก่โจทก์
แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา
พฤศจิกายน ๒๕๖๔