บทความคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเรื่องหนึ่ง จำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 25 ปี และปรับ 500,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ต่อมาโจทก์ยื่นคำขอออกหมายบังคับคดี ดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อใช้ค่าปรับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2558 มาตรา 5 (1) ในส่วนของโทษกักขังแทนค่าปรับ การออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ชอบ ขอให้ยกเลิกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้หรือไม่
กรณีนี้ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2558 มาตรา 5 บัญญัติว่า ผู้ต้องโทษดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป (1) ผู้ต้องกักขัง... และมาตรา 5 วรรคสอง บัญญัติว่า กรณีผู้ต้องกักขังตามวรรคหนึ่ง (1) ซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด และยังไม่ได้รับโทษกักขังแทนโทษจำคุกหรือยังไม่ได้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ให้ผู้ที่ถูกกักขังนั้นได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไปในส่วนของโทษกักขังแทน โทษจำคุกหรือในส่วนของการกักขังแทนค่าปรับ แล้วแต่กรณี บทบัญญัติดังกล่าวเป็นการพระราชทานอภัยโทษแก่นักโทษเด็ดขาด ในกรณีที่ผู้นั้นยังไม่ได้รับโทษกักขังแทนโทษจำคุก หรือยังไม่ได้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ให้ได้รับการปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องรับโทษเท่านั้น มิได้รวมถึงการยึดทรัพย์สินของผู้นั้นเพื่อนำมาขายทอดตลาดชำระเป็นค่าปรับด้วย การยึดทรัพย์สินเพื่อบังคับเป็นค่าปรับจึงมิได้รับการพระราชทานอภัยโทษแต่อย่างใด ทั้งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวก็ไม่ได้ให้จำเลยพ้นจากโทษปรับไปด้วย โทษปรับตามคำพิพากษาของจำเลยยังคง มีอยู่ เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าปรับตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อบังคับใช้ค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ได้ (เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2563) คำสั่งที่ให้หมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุให้ยกเลิกหมายตั้ง เจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำร้องของจำเลย
ผู้เขียน นายโชคชัย รัตกิจนากร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ตรวจ นายอนุรักษ์ บุญนิธี ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕