วันนี้ เวลา 09.30 นาฬิกา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง
ยื่นคำร้องว่า นายเอกราช ช่างเหลา ผู้คัดค้าน ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งต่อมาได้ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยและดำรงตำแหน่งถึงปัจจุบัน
มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยเมื่อประมาณปี ๒๕๕๔ ถึงปี ๒๕๕๖
ผู้คัดค้านกับพวกอาศัยโอกาสที่ตนดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ร่วมกันยักยอกเงินของสหกรณ์ รวม ๔๓๑,๘๖๒,๐๗๐.๔๓ บาท และเพื่อเป็นการปกปิดอำพรางการกระทำความผิดของตน ช่วงระหว่าง
ปี ๒๕๕๔ ถึงปี ๒๕๖๒ ผู้คัดค้านกับพวกร่วมกันปลอมสมุดบัญชีเงินฝากประจำของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด และร่วมกันจัดทำหรือรับรองเอกสารรายงานสถานะทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด
เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยแสดงงบดุลงบกำไรขาดทุนและงบกระแสเงินสดอันเป็นความเท็จ เพื่อให้สหกรณ์และผู้แทนหลงเชื่อว่าสหกรณ์มียอดเงินคงเหลือตามที่ระบุในเอกสารดังกล่าวจริง นอกจากนั้น
ผู้คัดค้านยังมีพฤติการณ์จงใจไม่ชำระหนี้เงินขาดบัญชีที่เกิดจากการทุจริตของตนเองคืนให้สหกรณ์ตามหนังสือรับสภาพหนี้จนทำให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง และส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อสมาชิกสหกรณ์ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และเสถียรภาพความมั่นคงทางการเงินของสหกรณ์ อีกทั้งยังส่งผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภาซึ่งเป็นองค์กรหลักฝ่ายนิติบัญญัติ
ของประเทศ ขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้องจนกว่าจะมีคำพิพากษา ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๓๕ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๘๗ และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๑๒, ๑๗ ประกอบข้อ 3 วรรคสองและข้อ ๒๗ วรรคสอง
ศาลฎีกา จะมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ต่อไป