เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๐.๓๐ นาฬิกา ศาลฎีกามีคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ คมจ ๒/๒๕๖๘ ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายศุภชัย โพธิ์สุผู้คัดค้าน เรื่อง การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
คดีนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงโดยบุกรุกที่ดินของรัฐและที่ดินทำกินของราษฎรในโครงการจัดที่ดินผืนแปลงใหญ่ "ป่าดงพะทาย" ในท้องที่อำเภอพะทาย อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เข้ายึดถือครอบครองที่ดินประเภทใบจอง (น.ส.๒) ซึ่งไม่ปรากฏ ว่ามีการจัดสรรที่ดินและออกใบจองให้แก่ผู้คัดค้าน ทั้งผู้คัดค้านไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการจัดสรรที่ดิน ต่อมาผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องว่า ผู้คัดค้านถือครองที่ดินประเภทใบจอง (น.ส.๒) ๔๐ แปลง ๒๒๐ ไร่ รวม ๖,๖๐,๐๐ บาท โดยแนบหลักฐานการซื้อขายจากผู้มีชื่อตามใบจองและเข้าถือเอาประโยชน์ที่ดินตั้งแต่ปี๒๕๔๐ การกระทำของผู้คัดค้านเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม กีดกันผู้ที่ไม่มีที่ดิน ไม่ถือผลประโยชน์ของชาติเหนือว่าประโยชน์ของตน ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง ขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน สิบปี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา๒๓๕ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๘๗ และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๗, ๑๗ ประกอบข้อ ๓ วรรคสอง และข้อ ๗ วรรคสอง
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คำร้องถูกต้องครบถ้วนตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงพ.ศ. ๒๕๖๑ จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยนัดพิจารณาครั้งแรกวันที่๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๘ เวลา ๙.๓๐ นาฬิกา