ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ซึ่งวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่เกี่ยวกับกฎหมายยาเสพติดใหม่

portfolio
18 กุมภาพันธ์ 2565
เข้าดู 349 ครั้ง

        เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องพิจารณาคดี ๒๐๕ ชั้น ๒ อาคารศาลฎีกา ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๐๒/๒๕๖๕ ในลักษณะการประชุมทางจอภาพ เกี่ยวกับการใช้กฎหมายเดิมกับกฎหมายใหม่ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ ไว้ดังนี้ 

         ๑. กฎหมายใหม่ไม่มีบทลงโทษหนักขึ้นเพียงตามจำนวนหน่วยการใช้ปริมาณสารบริสุทธิ์หรือน้ำหนักสุทธิ ดังเช่นตามกฎหมายเดิมมาตรา ๑๕ ประกอบมาตรา ๖๖ วรรคสองและวรรคสาม แต่กฎหมายใหม่ มาตรา ๑๔๕ วรรคสองและวรรคสาม บัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นโดยพิจารณาจากพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่ของผู้กระทำผิด แม้ปริมาณอาจบ่งชี้ถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่ได้ในบางคดีก็ตาม กฎหมายใหม่มาตรา ๑๔๕ วรรคสองและวรรคสาม จึงไม่ได้ยกเลิกความผิดตามกฎหมายเดิมไปเสียทีเดียว แต่การลงโทษให้หนักขึ้นตามกฎหมายใหม่ ก็จำต้องปรากฏพยานหลักฐานที่มั่นคงพอฟังได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่มั่นคงพอฟังได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในกฎหมายใหม่มาตรา ๑๔๕ วรรคสองและวรรคสาม คดีนี้ จำเลยที่ ๑ ร่วมกับนาย อ. จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ๕ เม็ด และสนับสนุนนาย อ. มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ๖๓ เม็ด แต่ไม่ปรากฏชัดว่านาย อ. มีไว้เพื่อจำหน่ายในราคาใด จำหน่ายแก่ใครบ้างนอกจากจำเลยในคดีนี้ และจำหน่ายมาแล้วบ่อยครั้งเพียงใด คดียังไม่อาจฟังได้ว่า เป็นการกระทำเพื่อการค้าตามมาตรา ๑๔๕ วรรคสอง (๑) และเมื่อไม่ปรากฏด้วยว่า เมทแอมเฟตามีน ๖๓ เม็ด ที่นาย อ. มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นการทำให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนได้อย่างไร จึงยังฟังไม่ได้ด้วยว่าทำให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนตามมาตรา ๑๔๕ วรรคสอง (๒) คดีคงฟังได้เพียงว่า การกระทำของนาย อ. เป็นความผิดตามมาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่ง การสนับสนุนของจำเลยที่ ๑ ต่อนาย อ. ที่ให้ใช้บ้าน จึงเป็นเพียงการสนับสนุนตามมาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่งเท่านั้น และเมื่อตามกฎหมายใหม่ มาตรา ๑ “จำหน่าย” หมายความรวมถึงมีไว้เพื่อจำหน่ายอยู่ในตัว ดังนั้น การที่เมทแอมเฟตามีนในคดีนี้ เดิมมีอยู่ ๖๘ เม็ด จำเลยที่ ๑ ร่วมจำหน่ายกับนาย อ. ๕ เม็ด และสนับสนุนนาย อ. ในการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายที่เหลืออีก ๖๓ เม็ด ย่อมเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวกันตามความมุ่งหมายของกฎหมายใหม่ที่ได้รวมการจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายอยู่ในความหมายเดียวกัน และมีบทความผิดเพียงการจำหน่ายไว้ ไม่ได้แยกบทความผิดเป็นจำหน่ายและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังเช่นกฎหมายเดิม จึงลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนได้เพียงกรรมเดียว และเมื่อความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเสพเมทแอมเฟตามีนตามกฎหมายเดิมที่ใช้ในขณะกระทำความผิด แตกต่างจากกฎหมายใหม่ที่ใช้ภายหลังกระทำความผิด คดีย่อมต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณไม่ว่าในทางใด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓ 

        ๒. ในส่วนที่เกี่ยวกับการเพิ่มโทษนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า เมื่อตามกฎหมายเดิม มาตรา ๙๗ ที่บัญญัติให้ศาลเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งแก่ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายเดิมอีกในระหว่างที่ยังต้องรับโทษอยู่หรือภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ส่วนกฎหมายใหม่ก็ไม่มีบทบัญญัติให้เพิ่มโทษเช่นเดิมอีก ดังนั้น ศาลจึงไม่อาจเพิ่มโทษทั้งตามกฎหมายเก่าที่ถูกยกเลิกไปแล้วและตามกฎหมายใหม่ได้ แต่เมื่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗ บัญญัติว่าบทบัญญัติที่ใช้แก่ความผิดทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญาให้นำไปใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ดังนั้น แม้กฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษอันเป็นกฎหมายอื่นที่ไม่ใช่กฎหมายในประมวลกฎหมายอาญา ไม่ได้บัญญัติเรื่องเพิ่มโทษเพราะกระทำผิดอีกไว้ ก็มิได้หมายความว่าศาลไม่อาจเพิ่มโทษตามบทบัญญัติที่ใช้แก่ความผิดทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญา เมื่อจำเลยที่ ๑ กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีกโดยไม่เข็ดหลาบและโจทก์ได้ขอเพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ตามกฎหมายเดิม มาตรา ๙๗ ไว้แล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีความประสงค์จะขอเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบและได้กล่าวในคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๙ วรรคหนึ่ง แล้วด้วย ศาลย่อมมีอำนาจเพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ ที่เป็นบทบัญญัติที่ใช้แก่ความผิดทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญาได้ ปัญหาดังกล่าว เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี