ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ลต สส ๑/๒๕๖๕

portfolio
30 พฤษภาคม 2565
เข้าดู 853 ครั้ง

          เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ลต สส ๑/๒๕๖๕ ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง นายวัฒนา  สิทธิวัง ผู้คัดค้าน เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  (ขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่) 

          คดีนี้  ผู้ร้องยื่นคำร้องว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๓ (๑) ซึ่งผู้คัดค้านได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้ง เป็นเหตุให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง เขตเลือกตั้งที่ ๔ แทนตำแหน่งที่ว่างในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้คัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๓๓ ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง เขตเลือกตั้งที่ ๔ ใหม่ แทนนายวัฒนา สิทธิวัง ผู้คัดค้าน 

          ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า การกระทำของนาง ก เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๓ วรรคหนึ่ง (๑) หรือไม่ได้ความจากนาง ก นาย ก และนาง ว ซึ่งเบิกความต่อศาลสอดคล้องกันว่า เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ นาง ก บอกให้นาง ว ไปรับแจกเงินซื้อเสียงเลือกตั้งที่ป่าช้าย่าจัน  อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายกลับไม่มีการแจกเงิน วันรุ่งขึ้นนาง ก นำเงินจำนวน ๖๐๐ บาท ไปมอบให้นาง ว ถึงบ้านเพื่อให้เลือกเบอร์ ๑ ซึ่งหมายถึงให้เลือกผู้คัดค้าน แต่นาง ว ไม่อยู่ นาง ก จึงมอบเงินให้นาย ก รับไว้แทน นาย ก ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่บันทึกเหตุการณ์ขณะนั้นไว้ปรากฏตามวิดีโอคลิป แต่ต่อมานาง ก ไปให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนว่า เงินจำนวน ๖๐๐ บาท  นั้น นาง ก จ่ายให้นาง ว เพื่อชำระค่าอาหารที่จ้างนาง ว ทำ แต่เมื่อพิเคราะห์แล้วถึงอย่างไรคำให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนก็ขัดต่อความเป็นจริง เนื่องจากนาง ก ให้การว่า ได้จ้างนาง ว  ทำอาหารวันละ ๖๐ บาท รวม ๕ วัน ค่าจ้างต้องเป็นเงิน ๓๐๐ บาท แต่นาง ก มอบเงินให้ ๖๐๐ บาท  เกินไป ๓๐๐ บาท จึงไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง คำเบิกความของนาง ก ต่อศาลจึงมีน้ำหนักให้รับฟังมากกว่าที่ไปให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนนาย ก นั้น ไม่ปรากฏว่านาย ก มีพฤติกรรมอันเป็นหลักฐานชี้ชัดไปว่าการบันทึกวิดีโอคลิปนั้นกระทำไปเพื่อกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายหรือขัดขวางผู้คัดค้าน  จึงเชื่อได้ว่าเบิกความไปตามเหตุการณ์ที่ตนได้รู้ได้เห็นมาจริง ทางไต่สวนของผู้ร้องจึงมีน้ำหนักในการรับฟังได้ว่านาง ก กระทำการซื้อเสียงตามวิดีโอคลิปจริง ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่าพฤติการณ์ซื้อขายเสียงที่เกิดขึ้นมีเพียงรายนี้รายเดียวนั้น เห็นว่า นอกจากนาง ก นาง ว และนาย ก ที่เบิกความยืนยันว่ามีการนัดหมายให้ไปรับเงินที่ป่าช้าย่าจันแล้ว นาง ส ก็ให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนว่า ได้ไปที่ป่าช้าย่าจันเช่นเดียวกัน พบคนจำนวนมากรวมทั้งนาง ว และนาย ก ด้วย จึงฟังได้ว่ามีเหตุการณ์ที่ส่อไปในทางที่มีความพยายามจะใช้เงินซื้อเสียงจากประชาชนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครคนหนึ่งคนใด การซื้อเสียงเลือกตั้งที่เกิดขึ้นครั้งนี้จึงไม่ใช่มีเพียงรายเดียวดังที่ผู้คัดค้านอ้าง เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นาง ก มอบธนบัตรซึ่งเย็บติดกัน จำนวน ๒ ชุด ชุดละ ๓๐๐ บาท ให้แก่นาย ก เพื่อฝากให้นาง ว อันเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านจริง ผู้คัดค้านย่อมได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งจากการกระทำของนาง ก การกระทำของนาง ก จึงเป็นการกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้นาง ว และนาย ก ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านด้วยวิธีการให้ทรัพย์สิน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๓ วรรคหนึ่ง (๑) แล้ว อันเป็นผลทำให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง เขตเลือกตั้งที่ ๔ แทนตำแหน่งที่ว่างมิได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเที่ยงธรรม จึงเป็นเหตุต้องสั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง เขตเลือกตั้งที่ ๔ ใหม่ ทั้งนี้ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๓๓

          จึงพิพากษาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง เขตเลือกตั้งที่ ๔ ใหม่ แทนนายวัฒนา สิทธิวัง ผู้คัดค้าน