นายเทพ อิงคสิทธิ์ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาตลอด ๑ ปี ที่ผ่านมา

portfolio
30 กันยายน 2565
เข้าดู 99 ครั้ง

          นายเทพ อิงคสิทธิ์ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาตลอด ๑ ปี ที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นมา เป็นช่วงที่ปรากฏสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease (COVID-19)) แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงกำหนดแนวปฏิบัติในการเฝ้าระวังและป้องกันมิให้โรคโควิด ๑๙ แพร่กระจายเป็นวงกว้าง โดยให้ผู้ที่มาศาลทุกคนตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจโควิด-๑๙ แบบเร่งด่วน (Antigen test kit) กับใช้มาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลในขณะอยู่ในห้องพิจารณาคดี มีกระจกใสกั้นในจุดที่ต้องพูดคุยสื่อสาร ทั้งจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ไว้หลายที่และได้แยกผู้มาฟังการพิจารณาคดีให้อยู่ที่ห้องพิจารณาคดีอื่น ทั้งนี้เพื่อให้สามารถพิจารณาคดีได้โดยคำนึงความปลอดภัยของสังคมส่วนรวม โดยเฉพาะคดีหมายเลขดำที่ อม.๑๗/๒๕๖๔ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายวิรัช รัตนเศรษฐ กับพวกรวม ๘๗ คน จำเลย ซึ่งมีคู่ความและผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก 

          ในช่วง ๑ ปีนี้ แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิจารณาพิพากษาคดีเนื้อหาที่สำคัญแล้วเสร็จเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น 

          (๑) คดีหมายเลขดำที่ อม.๑๙/๒๕๖๔ คดีหมายเลขแดงที่ อม.๑๕/๒๕๖๕ ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ จำเลย (คดีฝากเสียบบัตร) ซึ่งแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน ๑ ปี 

          (๒) คดีหมายเลขดำที่ อม.๑๐/๒๕๖๔ คดีหมายเลขแดงที่ อม.๑๙/๒๕๖๕ ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จำเลย (คดีปราศรัยรับข้อเสนอ น.ป.ช.) 

          (๓) คดีหมายเลขดำที่ อม.๓๖/๒๕๖๒ คดีหมายเลขแดงที่ อม.๒๒/๒๕๖๕ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายนริศร ทองธิราช จำเลย (คดีเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน) 

          (๔) คดีหมายเลขดำที่ อม.๑/๒๕๖๓ คดีหมายเลขแดงที่ อม.๒๐/๒๕๖๕ ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ กับพวกรวม ๒ คน จำเลย (คดีสลับร่างรัฐธรรมนูญ) 

          (๕) คดีหมายเลขดำที่ อม.๕/๒๕๕๔ (ยกขึ้นพิจารณาใหม่) คดีหมายเลขแดงที่ อม.๗/๒๕๕๖ ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ บริษัทเดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอย เอจี แอนด์ โค เคจี หรือบริษัทจีดี ยูโรเปียน แลนด์ซิสเต็ม – สไตเออร์ จำเลยที่ ๕ (คดีรถเรือดับเพลิง) 

          (๖) คดีหมายเลขดำที่ อม.๒๓/๒๕๖๔ คดีหมายเลขแดงที่ อม.๒๑/๒๕๖๕ ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ กับพวกรวม ๖ คน จำเลย (คดีก่อสร้างโรงพัก) ซึ่งแล้วเสร็จภายในเวลา  ไม่เกิน ๑ ปี

          (๗) คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ.๑/๒๕๖๔, อม.อธ.๑/๒๕๖๕ คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.๒-๓/๒๕๖๕ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายวัฒนา เมืองสุข กับพวกรวม ๑๔ คน จำเลย (คดีบ้านเอื้ออาทร)

          (๘) คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ.๑/๒๕๖๔ คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.๑/๒๕๖๕ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายสุวิทย์  ศิลาทอง กับพวกรวม ๔ คน จำเลย (คดีเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครจัดซื้อจัดจ้างรถเรือดับเพลิง) 

          ปัจจุบันมีคดีสำคัญที่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาคดี ได้แก่ คดีหมายเลขดำที่ อม.๑๗/๒๕๖๔ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายวิรัช รัตนเศรษฐ กับพวกรวม ๘๗ คน จำเลย ส่วนคดีที่เหลือล้วนแต่เป็นคดีที่เพิ่งยื่นฟ้องมาในปี ๒๕๖๕ ทั้งสิ้น คือ 

          (๑) คดีหมายเลขดำที่ อม.๒/๒๕๖๕ ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวกรวม ๖ คน จำเลย 

          (๒) คดีหมายเลขดำที่ อม.๓/๒๕๖๕ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์  นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ กับพวกรวม ๓ คน จำเลย 

          (๓) คดีหมายเลขดำที่ อม.๔/๒๕๖๕ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ จำเลย 

          (๔) คดีหมายเลขดำที่ อม.๘/๒๕๖๕ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายนริศร ทองธิราศ จำเลย 

          (๕) คดีหมายเลขดำที่ อม.๑๔/๒๕๖๕ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จำเลย 

          เพื่อมิให้คดีดังกล่าวล่าช้า แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เตรียมความพร้อมให้มีห้องพิจารณาคดีจำนวน ๒ ห้อง จึงสามารถนัดไต่สวนในวันเวลาเดียวกันได้ แต่ปรากฏว่าหลายคดีมีองค์คณะผู้พิพากษาซ้ำกัน ทำให้ไม่อาจนัดไต่สวนในวันเวลาเดียวกันได้

          สำหรับการพัฒนาบุคลากรภายในให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญยิ่งขึ้นนั้น แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้จัดโครงการสัมมนาออนไลน์ร่วมกับมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ ประเทศไทย ในหัวข้อ “ระบบไต่สวนในคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (Inquisitorial System in Criminal Cases for Persons Holding Political Positions)”  เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีวิทยากรภายในประกอบด้วย ท่านอธิคม อินทุภูติ รองประธานศาลฎีกา ท่านณรงค์ ทับทิมไสย์ และท่านสมภพ ประทุม และได้รับเกียรติจากวิทยากรภายนอก ดอกเตอร์ โรเบิรต์ โครส์ (Dr. Robert Klotz) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายวิธีพิจารณาคดีระบบไต่สวนจากประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 

          นอกจากนี้ แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับหลักกฎหมายในคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยจัดพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ “รวบรวมย่อข้อกฎหมายตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” เพื่อให้ผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในคดี ผู้มีอรรถคดี ผู้ที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ตลอดจนผู้สนใจ สามารถเข้าถึงข้อมูลทางกฎหมายเพื่อใช้เป็นแหล่งอ้างอิงได้โดยสะดวก ถูกต้อง และรวดเร็ว อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการและสังคมโดยรวมยิ่งขึ้นต่อไป 

          ในส่วนของการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนนั้น แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้นำบทความทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ของแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เพื่อสร้างความเข้าใจถึงหลักการและขั้นตอนของกระบวนพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษด้วย

          ขณะที่แบบพิมพ์ศาลที่ใช้อยู่เดิมเป็นแบบพิมพ์ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๘ และข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๓๙ แต่ยังมิได้กำหนดแบบพิมพ์ตามข้อกำหนดดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และแนวปฏิบัติในการพิจารณาคดี แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงดำเนินการจัดทำแบบพิมพ์ศาลที่ใช้ในการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขึ้นเสนอต่อท่านประธานศาลฎีกา ซึ่งต่อมาได้มีประกาศศาลฎีกากำหนดแบบพิมพ์ใหม่แล้ว

          นายเทพ อิงคสิทธิ์ กล่าวสรุปว่า แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ดำเนินการทั้งในด้านการจัดเตรียมห้องพิจารณาคดี การรักษาความปลอดภัยของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายการพัฒนาบุคคลากร การรวบรวมและเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย โดยมีความมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนให้การพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำหน่งทางการเมืองเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม อันเป็นภารกิจของศาลยุติธรรม.