เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องพิจารณาคดี ๒๐๘ ชั้น ๒ อาคารศาลฎีกา ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๖๐๙/๒๕๖๖ โดยมติที่ประชุมใหญ่ ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังศาลจังหวัดพิมาย ให้จำเลยฟัง ที่เรือนจำกลางนครราชสีมา โดยมีประเด็นข้อกฎหมายที่สำคัญเกี่ยวกับคำสั่งกำหนดโทษจำเลยใหม่ในคดียาเสพติด ดังนี้ การปรับบทลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานพยายามจำหน่ายเป็นหลายกรรม และการเพิ่มโทษกึ่งหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙๗ นั้น เนื่องจากมีพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่ออกบังคับใช้ในภายหลังได้ยกเลิกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ และรวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา ๑ บทนิยามคำว่า “จำหน่าย” ให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อจำหน่ายด้วย ดังนั้น ความผิดฐาน มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานพยายามจำหน่ายจึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน การที่ศาลปรับบทความผิด ทั้งสองฐานเป็นหลายกรรม จึงหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ซึ่งลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เพื่อการค้าตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา ๙๐, ๑๔๕ วรรคสอง (๑) เพียงกรรมเดียว จึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดโทษใหม่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ (๑) สำหรับบทบัญญัติเรื่องการเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙๗ ได้ยกเลิกไปแล้ว ส่วนประมวลกฎหมายยาเสพติดซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังไม่มีบทบัญญัติให้เพิ่มโทษได้เช่นเดิมอีก ดังนั้น ศาลจึงไม่อาจเพิ่มโทษทั้งตามกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดและกฎหมายที่ใช้ในภายหลัง กระทำความผิดได้ กรณีจึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดโทษให้จำเลยใหม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ (๑) เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗ บัญญัติว่า บทบัญญัติที่ใช้แก่ความผิดทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญาให้นำไปใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ดังนั้น แม้กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษอันเป็นกฎหมายอื่นที่มิใช่กฎหมายในประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติเรื่องการเพิ่มโทษเพราะการกระทำผิดซ้ำไว้ เมื่อจำเลยกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีก เพราะไม่เข็ดหลาบและโจทก์มีคำขอให้เพิ่มโทษตามกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดไว้แล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีความประสงค์ขอเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ ศาลย่อมมีอำนาจเพิ่มโทษจำเลยได้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ ที่เป็นบททั่วไปได้ ที่ศาลชั้นต้นกำหนดโทษให้จำเลยใหม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำร้องขอกำหนดโทษใหม่ของจำเลย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำสั่งกำหนดโทษใหม่ของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าววางหลัก ดังนี้
๑. การครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายซึ่งเดิมเป็นความผิดหลายกรรม เมื่อมีบทบัญญัติกฎหมายที่บัญญัติ ในภายหลังให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดอย่างเดียวกัน การปรับบทความผิดเป็นหลายกรรม จึงหนักกว่าโทษที่กำหนด ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังซึ่งลงโทษได้เพียงกรรมเดียว จึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดโทษใหม่ได้
๒. การเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙๗ ได้ยกเลิกไปแล้ว ส่วนกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังไม่ได้ระบุให้เพิ่มโทษได้ ศาลจึงไม่อาจเพิ่มโทษทั้งตามกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดและกฎหมายที่ใช้ภายหลัง การกระทำความผิดได้ จึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดโทษใหม่ได้เช่นกัน ส่วนการเพิ่มโทษนั้นเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒