คดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน (คดี ส.ส.เสียบบัตรแทน ๔ : ชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์)

portfolio
11 สิงหาคม 2566
เข้าดู 137 ครั้ง

วันนี้ เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่าน คำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.๑๑/๒๕๖๖ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายนริศร ทองธิราช จำเลย

คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากจำเลยถูกฟ้องว่า จำเลยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ เวลากลางคืนหลังเที่ยง สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ ประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... ในการพิจารณา มาตรา ๖ และมาตรา ๒๐ จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ นำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นหลายใบอันเกินกว่าจำนวนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเลยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งจะพึงมีและใช้ได้เพียงคนละ ๑ ใบ คนละ ๑ เสียง มาใช้แสดงตนและออกเสียงลงคะแนน โดยเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวหมุนเวียนใส่เข้าไปในเครื่องออกเสียงลงคะแนนและกดปุ่มเพื่อแสดงตน แล้วลงมติคราวละหลายใบในการออกเสียงลงคะแนนในคราวเดียวกัน เป็นการใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเกินกว่า ๑ เสียง ในการลงคะแนนมติในแต่ละครั้ง ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ ๑๕ ๑๘/๒๕๕๖ ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๗๒, ๑๙๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ และนับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อม.๓๖/๒๕๖๒ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ จำคุกกระทงละ ๑ ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่ การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกกระทงละ ๖ เดือน รวม ๒ กระทง เป็นจำคุก ๑๒ เดือน นับโทษจำคุกของจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.๒๒/๒๕๖๕ ของศาลนี้

จำเลยอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมากเห็นว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์บรรยายฟ้องในสาระสำคัญอ้างเลขคดีและชื่อคู่ความของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ถูกต้อง ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างได้ แม้จะไม่ได้ยกขึ้นในชั้นพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ตาม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๘ วรรคสาม เมื่อฟ้องของโจทก์ระบุถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑ แล้ว แม้บรรยายฟ้องอ้างเลขคดีและชื่อคู่ความของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคลาดเคลื่อน ก็เป็นเพียงรายละเอียด ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ อีกทั้งในวันนัดพิจารณาคดีครั้งแรก จำเลยแต่งตั้งทนายความเข้ามา ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังต่อหน้าจำเลยและทนายจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ จากนั้นก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธและให้การใหม่เป็นรับสารภาพโดยมีรายละเอียดชัดเจนอันเป็นการแสดงให้เห็นว่า จำเลยเข้าใจข้อหาและพฤติการณ์การกระทำความผิดที่โจทก์ฟ้องแล้ว ทั้งฟ้องโจทก์ยังบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๘ วรรคสาม และมาตรา ๒๖ ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการกำหนดโทษหรือลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยต้องคำพิพากษาจำคุก ๑๖ เดือน ในคดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.๑๐/๒๕๖๖ ของศาลนี้ และคดีถึงที่สุดแล้ว กรณีจึงไม่อาจรอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ได้ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลงโทษจำคุกจำเลยในอัตราขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด จึงพิพากษายืน