วันอังคารที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๓.๓๐ – ๑๖.๐๐ นาฬิกา นางสาวสุนันทา เธียรถาวร ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี ช่วยทำงานช่วยคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำผู้พิพากษาสมทบและคณะเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ Ayutthaya Smart Law Camp II จากศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๗๐ คน เข้าเยี่ยมคารวะประธานศาลฎีกา และเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ทางด้านกฎหมายและกระบวนการทางศาล ณ ศาลฎีกา
เมื่อคณะฯ เดินทางมาถึงได้ เข้าเยี่ยมคารวะ นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา ในการนี้ ประธานศาลฎีกาได้กล่าวให้โอวาทและมอบของที่ระลึกแก่คณะฯ จากนั้นคณะฯ ถ่ายภาพร่วมกับประธานศาลฎีกา ณ บริเวณโถงบุษบก อาคารศาลฎีกา
เยี่ยมชมยอดปราสาทยุติธรรม และ ศึกษาดูงานศาลฎีกานิทรรศน์ พร้อมรับฟังการบรรยาย เพื่อทราบประวัติความเป็นมาของศาลยุติธรรมในประเทศไทย และกระบวนการทางศาล ณ โถงทิศเหนือ ชั้น ๒ อาคารศาลฎีกา โดย นางสาวฐปนีย์ มหบุญพาชัย ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา และ นายปิยบดี ชีวิตโสภณ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดธัญบุรี ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำสำนักประธานศาลฎีกา และ รับชมวีดิทัศน์แนะนำศาลฎีกานิทรรศน์
ศึกษาดูงาน ณ ห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยมี นายกิตติพงษ์ ศิริโรจน์ รองประธานศาลฎีกา และ นางพงารัตน์ มาประณีต ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งรองเลขานุการศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา อีกตำแหน่งหนึ่ง ให้การต้อนรับ และรับฟังการบรรยายพิเศษ เรื่อง “ภารกิจ และอำนาจหน้าที่ของศาลฎีกา” โดย นายณวพร รัตนวราหะ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำผู้พิพากษาศาลฎีกา และเรื่อง “การพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” โดย นางธัญญลักษณ์ เบ็ญจะมโน เตชะวุฒิพันธุ์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
การศึกษาดูงานครั้งนี้ ทำให้คณะฯ ได้รับความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องทางด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ทั้งเข้าใจถึงบทบาทและหน้าที่ของศาลยุติธรรมในฐานะองค์กรหลักของประเทศที่ใช้อำนาจตุลาการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่คนในชาติโดยไม่เลือกปฏิบัติ ภายใต้หลักนิติธรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประธานศาลฎีกาที่ว่า “ที่พึ่ง เที่ยงธรรม เท่าเทียม ทันโลก”