วันนี้ เวลา ๑๑ นาฬิกา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม.๑๗/๒๕๖๕ หมายเลขแดงที่ อม.๒๒/๒๕๖๗ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง จำเลย
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๕ จำเลยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าพนักงานของรัฐตามกฎหมาย มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการขององค์การคลังสินค้า และมีอำนาจเรียกประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ ผู้อํานวยการ ตัวแทนขององค์การคลังสินค้า หรือบุคคลใดในองค์การคลังสินค้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือให้ทำรายงานยื่นก็ได้ รวมถึงมีหน้าที่ยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขององค์การคลังสินค้า เมื่อจำเลยทราบเรื่องที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยทำหนังสือ ๒ ฉบับ ถึงจำเลย รวมทั้งเข้าพบจำเลยเพื่อขอให้ตรวจสอบว่า การประมูลให้เอกชนดำเนินการปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบให้แก่องค์การสำรองอาหารแห่งประเทศอินโดนีเซีย (BULOG) โดยบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ได้รับคัดเลือกการเสนอราคาและทำสัญญาซื้อขายข้าวขาวกับองค์การคลังสินค้าเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่จำเลย ไม่ตรวจสอบและไม่ทำหน้าที่ควบคุมดูแล ไม่สั่งการใด ๆ หรือเรียกให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริง หรือให้ทำรายงานแสดงความคิดเห็น ทั้งที่ข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG แต่เพียงผู้เดียว โดยไม่จัดให้
มีการแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น และไม่มีการประกาศหรือมีหนังสือเชิญชวนผู้ที่สนใจเป็นการทั่วไป อันเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ขัดต่อกฎหมายและระเบียบขององค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ. ๒๕๔๑ แต่จำเลยกลับชี้แจงยืนยันว่า BULOG ส่งรายชื่อผู้ส่งออกที่ประเทศอินโดนีเซียเชื่อถือซึ่งมีบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด มาให้องค์การคลังสินค้าพิจารณา ซึ่งไม่เป็นความจริง ต่อมาบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ไม่ปฏิบัติตามสัญญา เป็นผลให้ประเทศอินโดนีเซียไม่ทำการค้าขายข้าวกับองค์การคลังสินค้าอีกและเสียหายต่อความสัมพันธ์ในการค้าขายข้าวระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินโดนีเซีย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การคลังสินค้า ประชาชน ผู้หนึ่งผู้ใด และประเทศชาติอย่างร้ายแรง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓/๑ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๗๒ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
องค์คณะผู้พิพากษา เห็นว่า จำเลยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเจ้าพนักงานของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔, ๑๙๘ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ ทั้งมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖ (๑)
ส่วนปัญหาที่ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนได้ความตามข้อมูล
ในระบบสารบรรณ สำนักงานรัฐมนตรี ว่ามีการส่งหนังสือของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ที่ ๖๙๓/๒๕๕๔ ลงวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ และ ที่ ๗๐๐/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งอ้างเกี่ยวกับการประมูลขายข้าวขององค์การคลังสินค้าเพื่อส่งมอบต่อให้แก่ BULOG โดยไม่ชอบ ไปยังนาย ภ. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เพื่อพิจารณา ทั้งได้ความว่าจำเลยเดินทางไปปฏิบัติราชการในต่างประเทศตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ และตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ เมื่อพิจารณาประกอบข้อเท็จจริงว่า จำเลยในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มีคำสั่งมอบหมายอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับองค์การคลังสินค้าให้นาย ภ. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็น
ผู้ปฏิบัติราชการแทน เมื่อสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยมีหนังสือเกี่ยวกับการดำเนินการขององค์การคลังสินค้าดังกล่าว จึงมีการเสนอเรื่องให้นาย ภ. ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นผู้พิจารณา จึงรับฟังได้ว่า ไม่มีการเสนอหนังสือทั้งสองฉบับดังกล่าวให้จำเลยพิจารณาแต่อย่างใด ส่วนการที่ตัวแทนของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเข้าพบจำเลยเพื่อขอความเป็นธรรมและให้ทบทวนเรื่องการส่งออกข้าวนั้น ได้ความจาก นาย จ. ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เบิกความยืนยันว่า จำเลยชี้แจงต่อสมาคมว่าได้สอบถามไปยังนาย ภ. แล้วได้รับแจ้งจากนาย ภ. ว่าได้สอบถามองค์การคลังสินค้าแล้ว องค์การคลังสินค้าแจ้งว่า
ได้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายแล้ว ทั้งตามรายงานการประชุมคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า ครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๔
ลงวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ วาระที่ ๔ เรื่องเพื่อพิจารณา ๔.๖ ข้อ ๒) ระบุว่า...องค์การคลังสินค้าได้เสนอเรื่องการขายข้าวตามข้อตกลงระหว่างองค์การคลังสินค้ากับ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ต่อนาย ภ. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าว ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบการเจรจาเพื่อขายข้าว พิจารณามอบหมายให้องค์การคลังสินค้าแก้ไขบางประเด็นกับฝ่ายอินโดนีเซียบนพื้นฐานสัญญาเดิม เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติของฝ่ายไทยมากขึ้น ซึ่งนาย ภ. ได้ให้ความเห็นชอบในการดำเนินการดังกล่าว อีกทั้งตามหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ เสนอข่าวว่า นาย ภ. เปิดเผยถึงกรณีที่องค์การคลังสินค้าเปิดประมูลจัดหาเอกชนเพื่อปรับปรุงสภาพข้าวและส่งมอบข้าวขาว
๑๕ % ให้รัฐบาลอินโดนีเซีย ๓๐๐,๐๐๐ ตัน ว่า เป็นการทำตามขั้นตอนปกติ... และตามบันทึกสำนักบริหารกลาง ที่ อคส.๑๐๒๐/๑๑๑๕ ลงวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การซื้อขายข้าวระหว่างองค์การคลังสินค้า กับ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย... ระบุว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นาย ภ.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบการเจรจาซื้อขายข้าว...กับ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ได้ให้ความเห็นชอบมอบหมายให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้ดำเนินการเจรจาซื้อขายข้าวกับ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย...เช่นนี้จึงฟังได้ว่าเรื่องเกี่ยวกับซื้อขายข้าว เรื่องการส่งมอบข้าวตามสัญญาซื้อขายระหว่างองค์การคลังสินค้ากับ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย เรื่องการซื้อขายข้าวระหว่างองค์การคลังสินค้ากับบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด นาย ภ. ได้ทราบเรื่องและจำเลยได้ดำเนินการตรวจสอบควบคุมดูแลโดยผ่านนาย ภ. ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลองค์การคลังสินค้าโดยชอบแล้ว จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดย
มิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ
อย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามฟ้อง
พิพากษายกฟ้อง