ข้อสังเกตเกี่ยวกับประมวลกฎหมายยาเสพติด
สืบเนื่องจากกฎหมายเดิม คือ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ถูกยกเลิกและมีการออก กฎหมายใหม่ คือ ประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ มีข้อสังเกตบาง ประการและคำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ ดังนี้
๑. การลงโทษหนักขึ้นตามกฎหมายเดิมอาศัยจำนวนหน่วยการใช้ น้ำหนักสุทธิหรือปริมาณสารบริสุทธิ์ เป็นเกณฑ์ในการลงโทษ แต่กฎหมายใหม่ต้องพิจารณาจากพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่ในการกระทำผิดเป็นสำคัญ
๒. กฎหมายใหม่ยกเลิกบทสันนิษฐานความผิดตามกฎหมายเดิม มาตรา ๑๕ วรรคสาม (๒) ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่มีข้อสันนิษฐานในทางที่เป็นคุณตาม มาตรา ๑๐๗ วรรคสอง กล่าวคือ หากมีไว้ในครอบครองในปริมาณเล็กน้อยไม่เกินปริมาณที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนดในกฎกระทรวง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ
๓. กฎหมายใหม่ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการเพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบดังเช่นกฎหมายเดิม มาตรา ๙๗ ดังนั้น เหตุเพิ่มโทษจึงพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๗๒/๒๕๖๕ (ประชุมใหญ่) เมื่อตามกฎหมายเดิม มาตรา ๑๕ ประกอบมาตรา ๖๖ บัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นโดยถือเอาเพียงปริมาณของยาเสพติดเป็นสำคัญ แต่กฎหมายใหม่ มาตรา ๑๔๕ บัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นโดยถือเอาพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่ในการกระทำผิดเป็นสำคัญไม่ได้ ถือเอาเพียงปริมาณดังเช่นกฎหมายเดิมอีกต่อไป แต่ปริมาณยาเสพติดที่มากขึ้นอาจบ่งชี้ได้ถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่อยู่ในตัว กฎหมายใหม่จึงไม่ได้ยกเลิกความผิดตามาตรา ๖๖ วรรคสองและวรรคสามไปเสียทีเดียว ดังนั้น ถ้าผู้กระทำความผิดมีพฤติการณ์หรือบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายใหม่ มาตรา ๑๔๕ วรรคสองหรือวรรคสาม ศาลย่อมมีอำนาจปรับบทความผิดตามมาตรา ๑๔๕ วรรคสองหรือวรรคสามได้ แต่ถ้ายาเสพติดมีปริมาณถึงตามกฎหมายเดิม มาตรา ๖๖ วรรคสองหรือวรรคสาม แต่ผู้กระทำความผิดไม่มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและบทบาทหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายใหม่ มาตรา ๑๔๕ วรรคสอง หรือวรรคสาม ศาลคงปรับบทความผิดได้เพียงมาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่ง ส่วนการกำหนดโทษก็ต้องใช้กฎหมาย ในส่วนที่เป็นคุณทั้งกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่ไม่ว่าทางใด ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓
กรณียังมีข้อศึกษาเกี่ยวกับประมวลกฎหมายยาเสพติดอีกมาก ซึ่งต้องติดตามคำพิพากษาศาลฎีกาเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาต่อไป.
ผู้เขียน นายบริพัตร์ โรจน์บัวทอง ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ตรวจ นายอนุรักษ์ บุญนิธี ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕