กรณีจำเลยประสงค์จะใช้สิทธิร้องขอต่อศาลให้กำหนดโทษเสียใหม่ จำเลยต้องยื่นคำร้องต่อศาลใด และศาลใดเป็นผู้มีอำนาจสั่ง

คดีอาญาซึ่งถึงที่สุดแล้ว หากจำเลยกำลังรับโทษตามคำพิพากษาอยู่  ต่อมามีกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดเป็นคุณแก่จำเลย  จำเลยประสงค์จะใช้สิทธิร้องขอต่อศาลให้กำหนดโทษเสียใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓ (๑)  ดังนี้  จำเลยต้องยื่นคำร้องต่อศาลใด  และศาลใดเป็นผู้มีอำนาจสั่ง

กรณีดังกล่าวมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๗๗๙/๒๕๔๙  วินิจฉัยว่า  “แม้คดีนี้จะถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วก็ตาม แต่จำเลยที่ ๑  กำลังรับโทษตามคำพิพากษาดังกล่าวอยู่  หากปรากฏว่ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังกระทำความผิด และกฎหมายที่ใช้ในภายหลังกระทำความผิดเป็นคุณแก่จำเลยที่ ๑  แล้ว ก็ต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ ๑  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ (๑)  จำเลยที่ ๑  ย่อมมีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลให้กำหนดโทษเสียใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังได้   ตามคำร้องของจำเลยที่ ๑  อ้างว่า ภายหลังกระทำความผิดได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๔๕  ออกใช้บังคับ  ซึ่งมาตรา ๘ มาตรา ๑๙  และมาตรา ๒๖  ของพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕  มาตรา ๖๖  และมาตรา ๙๑ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒  และให้ใช้ความใหม่แทนอันเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ ๑ ดังนั้น จำเลยที่ ๑ ย่อมมีสิทธิที่จะร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดโทษเสียใหม่ให้แก่จำเลยที่ ๑  ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว จึงไม่อาจแก้ไขโทษตามคำพิพากษาได้นั้น  เป็นการไม่ถูกต้อง  เพราะอำนาจในการมีคำสั่งตามคำร้องของจำเลยที่ ๑ ในกรณีเช่นนี้เป็นอำนาจของศาลชั้นต้น  เมื่อจำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นก็สั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑  ครั้นเมื่อจำเลยที่ ๑  ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นชอบที่จะส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค ๘  เพื่อพิจารณาตามลำดับชั้นศาล แต่ศาลชั้นต้นกลับส่งสำนวนมายังศาลฎีกาอันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๘ ทวิ อย่างไรก็ตาม เมื่อปรากฏว่าคดีนี้ได้ขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะมีคำสั่ง    ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๘  มีคำสั่งใหม่”   พิพากษายกคำสั่ง        ศาลชั้นต้นลงวันที่ ๒๘  มีนาคม ๒๕๔๙ และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของจำเลยที่ ๑ แล้วมีคำสั่งใหม่            ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ (๑)

ดังนั้น  คดีอาญาซึ่งถึงที่สุดไม่ว่าในชั้นศาลใด  หากจำเลยประสงค์จะใช้สิทธิร้องขอต่อศาลให้กำหนดโทษเสียใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓ (๑)  จำเลยต้องยื่นคำร้องต่อ                  ศาลชั้นต้น  และศาลชั้นต้นเป็นผู้มีอำนาจสั่ง

 

ผู้เขียน  นายวิกรม ศรีวิฑูรย์  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ผู้ตรวจ  นายอนุรักษ์ บุญนิธี  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๕


เผยแพร่โดย

แผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่