ระยะเวลาในการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของจำเลย

วันที่เผยแพร่
02/09/2565

ระยะเวลาในการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของจำเลยตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ 

 

                     จะเห็นได้ว่าตามกฎหมายเก่าคือ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 100/2  ไม่ได้กำหนดเวลาไว้โดยชัดเจนว่าสิทธิ์ของจำเลยที่เป็นผู้ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต้องทำภายในกำหนดเวลาเท่าใด จึงเป็นเหตุให้เกิดกรณีที่ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้วและยังอยู่ภายในกำหนดที่จำเลยมีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาหรือก่อนที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษา  จำเลยจึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นหรือยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อให้ตนได้รับสิทธิรับโทษน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น  เช่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4267/2561

พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 100/2

                      การให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 100/2 เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยซึ่งศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์หรือฎีกาก็ตาม แต่ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษนั้น จะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่มีการนำสืบกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งศาลจะหยิบยกเอาข้อเท็จจริงในบันทึกการจับกุมตามคำร้องฝากขังมารับฟังเพียงลำพังว่ามีการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษโดยไม่มีการสืบพยานอื่นประกอบหาได้ไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพโดยไม่มีการสืบพยานให้ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าว ต่อมาจำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนเหตุลดโทษตาม มาตรา 100/2 โดยไม่มีอำนาจ ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นไต่สวนดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 เพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 1 นั้นชอบแล้ว

                      แต่กฎหมายยาเสพติดใหม่มีการระบุเวลาไว้ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 153 วรรคแรก… เพื่อให้พนักงานอัยการระบุในคำฟ้องหรือยื่นคำร้องต่อศาล ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้   วรรคสอง กรณีที่ผู้กระทำความผิดได้เคยให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามวรรคหนึ่ง ถ้าพนักงานอัยการไม่ระบุในคำฟ้องหรือยื่นคำร้องต่อศาล ผู้กระทำความผิดนั้นอาจยื่นคำร้องต่อศาลตามมาตรานี้ได้.

                          ข้อควรพิจารณา เห็นว่าอย่างน้อยต้องทำขึ้นก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เพื่อให้มีการไต่สวนและสืบพยานโดยเทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกาตามกฎหมายเก่าข้างต้นที่ใช้เป็นบรรทัดฐานมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน    และหากจำเลยไม่เคยให้ข้อมูลต่อบุคคลดังกล่าวแล้วก็ไม่อาจอ้างประโยชน์ตามวรรคสองของมาตราดังกล่าวเพื่อจะยื่นคำร้องด้วยตนเองได้เลย   

                                                                ผู้เขียน  นางยุคิน เทพหนู  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ผู้ตรวจ  นายอนุรักษ์ บุญนิธี  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๕

 


เผยแพร่โดย

แผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่