รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยต้องให้โอกาสฝ่ายโจทก์คัดค้านก่อนหรือไม่
ในคดีอาญาที่จำเลยให้การรับสารภาพ และศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติ ไปดำเนินการสืบเสาะหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติภูมิหลังของจำเลยและพฤติการณ์แห่งคดี แล้วจัดทำรายงานเสนอความเห็นเสนอต่อศาลเพื่อให้ศาลใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษจำเลยสถานใด เพียงใด
เมื่อศาลได้รับรายงานการสืบและพินิจดังกล่าวแล้วนำข้อเท็จจริงตามรายงานมาเป็นข้อสนับสนุนโดยพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย โดยไม่ส่งสำเนารายงานให้ฝ่ายโจทก์ได้มีโอกาสโต้แย้งคัดค้านก่อนเป็นการไม่ชอบหรือไม่ นั้น ตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการ คุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๓ วางหลักไว้ว่า ศาลมีอำนาจที่จะรับฟังรายงานและความเห็นของพนักงานคุมประพฤติโดยไม่ต้องมีพยานบุคคลประกอบ แต่ถ้าศาลจะใช้รายงานและความเห็นเช่นว่านั้นเป็นผลร้ายแก่จำเลย ให้ศาลแจ้งข้อความที่เป็นผลร้ายนั้นให้จำเลยทราบ เมื่อจำเลยคัดค้าน พนักงานคุมประพฤติมีสิทธิ นำพยานหลักฐานเข้าสืบประกอบรายงานและความเห็นก่อน และจำเลยมีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้างได้ ดังนั้น รายงานการสืบเสาะและพินิจย่อมถือเป็นข้อเท็จจริง ในสำนวนที่ศาลมีอำนาจหยิบยกข้อความจากรายงานมาประกอบการใช้ดุลพินิจให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้ ไม่ใช่เรื่องการสืบพยานหลักฐานที่ต้องกระทำต่อหน้าคู่ความ เพียงแต่ถ้าศาล จะรับฟังรายงานเป็นผลร้ายแก่จำเลยต้องแจ้งให้จำเลยทราบก่อน
(แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๘๔/๒๕๖๐)
ผู้เขียน นายภาณุ อุทโยภาศ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ตรวจ นายสมศักย์ ธรรมชัยเดชา ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕