คดียาเสพติดที่ผู้ประกันของดหรือลดค่าปรับจะขออนุญาตฎีกาได้หรือไม่
คดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยไปในระหว่างพิจารณา โดยทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลในวงเงิน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมาผู้ประกันผิดนัดไม่อาจนำตัวจำเลยมาพิจารณาคดีได้เป็นการผิดสัญญาประกัน ศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญาประกัน ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้งดหรือลดค่าปรับ ศาลชั้นต้นยกคำร้อง ผู้ประกันอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่าให้ปรับผู้ประกันเป็นเงิน ๗๕๐,๐๐๐ บาท ผู้ประกันฎีกาขอให้ลดค่าปรับได้หรือไม่
ตามอุทาหรณ์ คดีนี้เป็นกรณีที่ผู้ประกันผิดสัญญาประกันต่อศาลในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๙ มาใช้บังคับตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓ เมื่อศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแล้ว คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดดังกล่าวย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๙ วรรคหนึ่ง ผู้ประกันไม่มีสิทธิฎีกาเกี่ยวกับคำสั่งบังคับตามสัญญาประกันได้อีก (เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๑๖๓/๒๕๖๐)
ผู้เขียน นายโชคชัย รัตกิจนากร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ตรวจ นายอนุรักษ์ บุญนิธี ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๖