การอุทธรณ์ฎีกาในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑
การอุทธรณ์ฎีกาในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑ กรณีผู้เสียหายยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑ เป็นการใช้สิทธิ ยื่นคำร้องในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์มิใช่เป็นคดีที่ผู้เสียหายฟ้องเองโดยตรง ถือว่าคำพิพากษาในส่วนที่ผู้เสียหายเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาในคดีอาญา ทั้งการพิพากษาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ ดังนั้น สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนในคดีส่วนแพ่งดังกล่าว ต้องถือคดีส่วนอาญาเป็นหลัก หากคดีอาญาขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา ไม่ว่าคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์หรือฎีกาก็ตาม คดีส่วนแพ่งก็ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์หรือฎีกา ไม่ต้องขออนุญาตฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่แก้ไขใหม่
กรณีหากคดีส่วนอาญายุติแล้ว (คู่ความไม่ฎีกาในส่วนคดีอาญา) คงมีแต่การฎีกาเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนเฉพาะในส่วนคดีแพ่ง คู่ความต้องขออนุญาตฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่แก้ไขใหม่
กรณีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องและมีคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน การฎีกาเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนในคดีส่วนแพ่งดังกล่าว (ไม่ว่าคดีส่วนอาญาขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาหรือไม่) คู่ความต้องขออนุญาตฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่งที่แก้ไขใหม่ทุกกรณี
(คำสั่งคำร้องที่ ท. ๕๓๐/๒๕๖๒)
ผู้เขียน นางทิพวรรณ หัตถะปนิตร์ ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา