บทบัญญัติที่ให้สันนิษฐานว่าเป็นการกระทำเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม เมื่อประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลใช้บังคับแล้ว ยังมีผลใช้บังคับต่อไปหรือไม่ เพียงใด

คดีที่จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ต่อมาเมื่อประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลใช้บังคับแล้ว  บทบัญญัติที่ให้สันนิษฐานว่าเป็นการกระทำเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสาม ยังมีผลใช้บังคับต่อไปหรือไม่ เพียงใด

          เดิมพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสาม บัญญัติว่า “การผลิต นำเข้า

ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ตามปริมาณดังต่อไปนี้  ให้สันนิษฐานว่า

เป็นการผลิต  นำเข้า ส่งออก  หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ...”

          ต่อมามีพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.๒๕๖๔ ออกใช้บังคับ ในมาตรา ๔ 

ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ และให้ใช้ประมวลกฎหมาย

ยาเสพติดแทน  แม้ประมวลกฎหมายยาเสพติดมิได้บัญญัติว่าปริมาณยาเสพติดให้โทษจำนวนเท่าใด

ให้สันนิษฐานว่าเป็นการกระทำเพื่อจำหน่ายเหมือนดังเช่นพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒  

แต่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.๒๕๖๔ มาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า 

“ให้บทบัญญัติที่ให้สันนิษฐานว่าเป็นการกระทำเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติด

ให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ และเพื่อขายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท

พ.ศ.๒๕๕๙ ซึ่งถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัตินี้ยังคงมีผลใช้บังคับแก่คดีที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว

ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดท้ายพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ แล้วแต่กรณี  จนกว่าคดีถึงที่สุด”

และวรรคสอง บัญญัติว่า “คดีซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลชั้นต้นอยู่ในวันก่อนวันที่ประมวลกฎหมายยาเสพติด

ท้ายพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ  ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายยื่นคำแถลงขอสืบพยานหลักฐาน

เพิ่มเติมว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อจำหน่ายหรือเพื่อขายหรือไม่ แล้วแต่กรณี  ก็ให้ศาลสืบพยาน

หลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร”

          ดังนี้  คดีที่จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒

แม้ต่อมาพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒  และที่แก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ  จะถูกยกเลิกไป

แต่ถ้าคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วก่อนวันที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดใช้บังคับ  บทบัญญัติ

ที่ให้สันนิษฐานว่าเป็นการกระทำเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ

พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสาม ก็ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.๒๕๖๔ มาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง  และคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๑๖/๒๕๖๕ 

แต่ถ้าเป็นคดีซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลชั้นต้นอยู่ในวันก่อนวันที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดใช้บังคับ 

คู่ความอาจยื่นคำแถลงขอสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อจำหน่าย

หรือไม่ ตามมาตรา ๒๑ วรรคสอง ได้

 

ผู้เขียน  นายวิกรม ศรีวิฑูรย์  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ผู้ตรวจ  นายอนุรักษ์ บุญนิธี  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

วันที่ 25 สิงหาคม 2566


เผยแพร่โดย

แผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่