การริบทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ (๑)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๖๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ ขอให้ศาลริบรถยนต์กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๔ วรรคหนึ่ง จำคุก ๓ เดือน ริบรถยนต์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาในปัญหาว่า รถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด และศาลมีอำนาจสั่งให้ริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ (๑) หรือไม่ เห็นว่า การขับรถยนต์กระบะบรรทุกของกลางที่มีการทำหลังคาฝาปิดด้านข้างและด้านท้ายจากจังหวัดกาญจนบุรีไปจังหวัดสมุทรปราการมีระยะทางไกลเกินกว่าจะเดินไปได้เอง เพราะต้องขับข้ามผ่านหลายจังหวัด จำเลยจำเป็นต้องใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะพาคนต่างด้าวทั้งสามเดินทางไป โดยใช้วิธีการให้นายซ. กับนายม. หลบซ่อนอยู่ในช่องใต้หลังคาด้านบนของหัวรถ แล้วใช้ถังน้ำมันจำนวนหลายถังปิดบังไว้ อันเป็นการซ่อนเร้นคนต่างด้าวดังกล่าว จึงมิใช่การใช้รถยนต์ของกลางตามสภาพอย่างยานพาหนะโดยสารทั่วไป อันเป็นข้อที่แสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่มุ่งประสงค์จะใช้รถยนต์ของกลางในการช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวทั้งสามพ้นจากการจับกุม รถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้อง ศาลมีอำนาจริบรถยนต์ของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ (๑) (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๙๗๘/๒๕๖๖)
ผู้เขียน นางสุรัชดา เตชะภาสรนันทน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ตรวจ นายสมศักย์ ธรรมชัยเดชา ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗