คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่งดสืบพยานโจทก์เป็นการตัดสิทธิโจทก์มิให้นำพยานหลักฐานเข้าสืบว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๔ นั้น ฎีกาของโจทก์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ หรือไม่
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้อง แต่ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและข้อเท็จจริงที่คู่ความแถลงรับกันเพียงพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งงดสืบพยานโจทก์ ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แล้วมีคำสั่งให้ย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์และจำเลยและมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีต่อไปนั้น ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง มิใช่เป็นฎีกาในเนื้อหาของประเด็นแห่งคดีที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ไม่อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ โจทก์จึงฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๖ โดยไม่ต้องขออนุญาตฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๑
ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ฎีกาของโจทก์ไม่ใช่ฎีกาในเนื้อหาของประเด็นแห่งคดีที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ย่อมไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ (เทียบเคียงคำสั่งคำร้อง ที่ ท. ๒๗๐/๒๕๖๗)
ผู้เขียน นางอัญญรัตน์ รัตกิจนากร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ตรวจ นายสมศักย์ ธรรมชัยเดชา ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๘