การยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกบริษัทจำกัดตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๒๓๗ และดุลพินิจศาลในการตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชี
การเลิกบริษัทตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๒๓๗ ให้สิทธิผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกบริษัทเมื่อมีเหตุตาม (๑) ถึง (๔) โดยอาจทำเป็นคำร้องขอหรือคำฟ้องก็ได้ และไม่จำต้องปฏิบัติตามมาตรา ๑๒๓๖ เช่น การจัดประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นและลงมติพิเศษก่อน
การที่กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงไม่ยอมลงลายมือชื่อร่วมกันเพื่อทำกิจการใดๆ ของบริษัทถึงขั้นต่างฝ่ายต่างฟ้องดำเนินคดีทางอาญาต่อกัน ทำให้บริษัทหยุดทำการนับถึงวันที่ผู้ถือหุ้นยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกบริษัทเป็นเวลานานถึง ๔ ปีเศษ มีเพียงการติดตามหนี้สินที่มีสิทธิได้รับเท่านั้น จึงเป็นกรณีที่บริษัทหยุดทำการถึงปีหนึ่งเต็มตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๒๓๗(๒) ซึ่งเป็นเหตุที่ศาลอาจสั่งให้เลิกบริษัทจำกัดได้ และเมื่อมีเหตุตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ผู้ถือหุ้นย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งเลิกบริษัทได้ มิใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
เมื่อบริษัทหยุดทำการเนื่องจากความขัดแย้งกันระหว่างกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทและต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน หากแต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ชำระบัญชีย่อมเล็งเห็นได้ว่าจะต้องเกิดปัญหาในการชำระบัญชีเป็นอุปสรรคแก่การชำระบัญชีและไม่เกิดประโยชน์แก่บริษัท ศาลฎีกามีอำนาจตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งถือว่าเป็นคนกลางเป็นผู้ชำระบัญชีได้
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๙๓๗/๒๕๖๐)