ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต่อคดีแรงงาน
ชนาธิป ชินะนาวิน
๑. ความเป็นมา
เดิมการคิดอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายและดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ได้กำหนดไว้ที่อัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี แต่จากสภาวเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันที่ดอกเบี้ย
เงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์อยู่ในอัตราต่ำ ทำให้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์เดิม เป็นอัตราที่สูงเกินไปและก่อให้เกิดภาระแก่ลูกหนี้ รัฐบาลจึงทำการตราพระราชกำหนด
แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อแก้ไขอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย
กรณีไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ ๓ ต่อปี[1] และกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดเป็นอัตราตามมาตรา ๗
บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี
จากการแก้ไขดังกล่าว ดอกเบี้ยจึงแบ่งออกเป็น
(๑) ดอกเบี้ยตามสัญญา ซึ่งคู่สัญญาตกลงกันไว้เป็นการเฉพาะ
(๒) ดอกเบี้ยตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ เช่น ดอกเบี้ยผิดนัดค่าจ้าง ค่าชดเชย
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑
(๓) ดอกเบี้ยตามกฎหมายกรณีคู่สัญญาไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเป็นการเฉพาะ เดิมอัตราร้อยละ
๗.๕ ต่อปี แก้ไขใหม่เป็นอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี เช่น การให้กู้ยืมเงินโดยระบุให้คิดดอกเบี้ย แต่ไม่ได้กำหนด
อัตราดอกเบี้ยจะคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี
(๔) ดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย เดิมอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี แก้ไขใหม่เป็นอัตราตามมาตรา ๗
บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี (๓ + ๒ = อัตราร้อยละ ๕ ต่อปี)
การปรับอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่นี้มีผลกระทบต่อการคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายและ
ดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย ตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
พ.ศ. ๒๕๖๔ ใช้บังคับ จึงมีผลกระทบต่อคดีละเมิดที่บังคับใช้ตามกฎหมาย และคดีแพ่งที่ไม่ได้กำหยด
อัตราดอกเบี้ยไว้เป็นการเฉพาะจึงต้องใช้ดอกเบี้ยตามกฎหมายหรือคดีที่ไม่ได้กำหนดดอกเบี้ย แต่คู่สัญญา
ผิดนัดหลังจากพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ใช้บังคับ
จึงต้องใช้ดอกเบี้ยผิดนัดอัตราใหม่ แต่ไม่กระทบต่อการคิดดอกเบี้ยผิดนัดที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ
เนื่องจากการปรับอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายและอัตราดอกเบี้ยผิดนัดจะไม่กระทบต่ออัตราดอกเบี้ย
ตามกฎหมายที่สูงกว่า และคดีแรงงานมีการคิดดอกเบี้ยหลากหลายทั้ง ดอกเบี้ยที่กฎหมายบัญญัติไว้
เป็นการเฉพาะ และดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมายแรงงานไทย
จึงมีทั้งอัตราดอกเบี้ยที่มีอัตราคงที่ตามกฎหมายเดิมและอัตราดอกเบี้ยที่มีการเปลี่ยนแปลงตามพระราชกำหนด
แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้
๒. อัตราดอกเบี้ยผิดนัดในคดีแรงงาน
อัตราดอกเบี้ยผิดนัดในคดีแรงงานจะประกอบไปด้วยเงินที่กฎหมายบัญญัติอัตราดอกเบี้ยผิดนัด
ไว้เป็นการเฉพาะซึ่งอยู่ในกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และเงินที่ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
๒.๑ อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ
กฎหมายแรงงานไทยได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดไว้เป็นการเฉพาะตามกฎหมาย ดังนี้
กฎหมาย | อัตราดอกเบี้ยผิดนัด |
---|---|
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ๑. เงินค้ำประกันการทำงาน ๓. ค่าจ้าง ๔. ค่าล่วงเวลา ๕. ค่าทำงานในวันหยุด ๖. ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ๗. เงินกรณีนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราว ๘. ค่าชดเชย ๙. ค่าชดเชยพิเศษ | อัตราดอกเบี้ยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง ในกรณีที่นายจ้างไม่คืนหลักประกัน |
พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน เทียบเท่าพระราชบัญญัติ | อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘๖ กิจการของโรงเรียนในระบบเฉพาะในส่วน การคุ้มครองการทำงาน การจัดให้มีคณะกรรมการ |
พระราชบัญญัติแรงงาน ๑. ค่าจ้าง ๒. ค่าล่วงเวลา | อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี พระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๕๐ ในกรณีที่เจ้าของเรือไม่จ่ายค่าจ้างและ ในกรณีที่เจ้าของเรือจงใจไม่จ่ายเงินตามวรรคหนึ่ง |
พระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ เทียบเท่าพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ | อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี มาตรา ๓๘ กิจการขององค์การมหาชนไม่อยู่ภายใต้บังคับ |
*ตารางอัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามที่กฎหมายบัญญัติในคดีแรงงาน
๒.๒ อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
เงินที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติอัตราดอกเบี้ยผิดนัดไว้เป็นการเฉพาะจะใช้อัตราดอกเบี้ย
ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ ซึ่งเดิมมีอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
แต่แก้ไขใหม่เป็นอัตราตามมาตรา ๗ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี (๓ + ๒ = อัตราร้อยละ ๕ ต่อปี)
๒.๒.๑ เงินตามข้อตกลงในสัญญาจ้างหรือสภาพการจ้าง
เงินตามข้อตกลงในสัญญาจ้างหรือสภาพการจ้าง ในคดีแรงงานจะไม่มีการกำหนด
อัตราดอกเบี้ยไว้เป็นการเฉพาะตามสัญญา และไม่มีกฎหมายบัญญัติดอกเบี้ยผิดนัดไว้เป็นการเฉพาะ
เมื่อนายจ้างไม่จ่ายเงินจึงต้องใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
เงินดังกล่าวแบ่งได้เป็น (๑) เงินจูงใจ เช่น เงินโบนัส เบี้ยขยัน (๒) เงินสวัสดิการ
เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ (๓) เงินที่ลูกค้าจ่ายแก่ลูกจ้าง เช่น ค่าทิป ค่าบริการ
๒.๒.๒ เงินตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำ
ของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ
การคุ้มครองแรงงานภาครัฐวิสาหกิจจะใช้ตามประกาศคณะกรรมการแรงงาน
รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
ข้อ ๗ จะไม่มีการบัญญัติอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายไว้[2] จึงต้องใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ เช่น ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด
เงินทดแทน ค่าชดเชย[3] และเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงาน
๒.๒.๓ เงินตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์
เงินตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เช่น เงินค่าเสียหาย
จากการกระทำอันไม่เป็นธรรม ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
๒.๒.๔ เงินตามกฎหมายเงินทดแทน
เงินตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ เช่น เงินทดแทน
เงินสมทบ[4]นายจ้าง ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
๒.๒.๕ เงินตามกฎหมายประกันสังคม
เงินตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เช่น เงินสมทบ[5]
เงินประโยชน์ทดแทน[6] ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔[7]
๒.๒.๖ ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและ
วิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๙ ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๒๒๔
๒.๒.๗ เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เงินตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ เช่น เงินสมทบ[8]
เงินสะสม ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
๒.๒.๘ เงินที่นายจ้างเรียกจากลูกจ้างตามสัญญาจ้างหรือละเมิด
เงินที่นายจ้างเรียกจากลูกจ้างตามสัญญาจ้าง เช่น เงินที่ลูกจ้างเป็นตัวแทนรับ
จากลูกค้าแทนนายจ้าง หรือละเมิด เช่น เงินที่ลูกจ้างก่อความเสียหาย เงินที่ลูกจ้างทุจริตใช้
อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
๓. การแก้ไขอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายและอัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔
จากการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในส่วนของดอกเบี้ยและดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย
โดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ มีผล ดังนี้
๓.๑ การใช้บังคับ
ตามมาตรา ๒ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ จึงมีผลใช้บังคับ
ตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔
๓.๒ อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔
แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗ ดังนี้
“มาตรา ๗ ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือ
โดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง ให้ใช้อัตราร้อยละสามต่อปี
อัตราตามวรรคหนึ่งอาจปรับเปลี่ยนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ
ของประเทศได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา โดยปกติให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนทุกสามปี
ให้ใกล้เคียงกับอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ ”
ผลจากการแก้ไข คือ ในกรณีที่คู่สัญญาได้กำหนดในนิติกรรม หรือมีหนี้
ตามกฎหมายกำหนดให้ลูกหนี้ต้องชำระดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ แต่มิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ ตามมาตรา ๗
ให้ใช้อัตราร้อยละสามต่อปี
ทั้งนี้ อัตราร้อยละสามต่อปี จะปรับเปลี่ยนทุกสามปี โดยกระทรวงการคลังตราเป็น
พระราชกฤษฎีกา ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายจึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงอัตราได้ตามแต่ละช่วงเวลา
๓.๓ อัตราดอกเบี้ยผิดนัด
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔
แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใช้แก่การคิดดอกเบี้ยผิดนัดที่ถึงกำหนดเวลาชำระตั้งแต่วันที่
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ใช้บังคับ
(เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา)
ในส่วนอัตราดอกเบี้ยผิดนัดนั้น มาตรา ๒๒๔ แก้ไขใหม่[9] ใช้อัตราตามมาตรา ๗
(ร้อยละ ๓ ต่อปี) บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี หรือเท่ากับอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี
๔. สรุปดอกเบี้ยในคดีแรงงาน
ดอกเบี้ยผิดนัดในคดีแรงงานโดยสรุป ดังนี้
อัตราดอกเบี้ยผิดนัด | ประเภทของเงินที่เรียกร้องในคดีแรงงาน |
อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี | (๑) เงินตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ (๒) เงินตามพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ เฉพาะ |
มาตรา ๒๒๔ | (๑) เงินตามข้อตกลงในสัญญาจ้างหรือสภาพการจ้าง เช่น (๒) เงินตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (๓) เงินตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ (๔) เงินตามกฎหมายเงินทดแทน เช่น เงินทดแทน เงินสมทบนายจ้าง (๕) เงินตามกฎหมายประกันสังคม เช่น เงินสมทบ เงินประโยชน์ทดแทน (๖) ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม (๗) เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เช่น เงินสมทบ เงินสะสม (๘) เงินที่นายจ้างเรียกจากลูกจ้างตามสัญญาจ้างหรือละเมิด |
*ตารางสรุปดอกเบี้ยผิดนัดในคดีแรงงาน
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยผิดนัดใหม่จะใช้กับการผิดนัดตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งเป็น
วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔)
----------------------------------
[1] ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
และโดยปกติให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนทุกสามปีให้ใกล้เคียงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยให้กู้ยืม
ของธนาคารพาณิชย์
[2] ประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ
ข้อ ๗ ในกรณีที่นายจ้างไม่คืนเงินประกันตามข้อ ๖ วรรคสอง หรือไม่จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด
และค่าล่วงเวลาในวันหยุด ภายในเวลาที่กำหนดตามข้อ ๔๔ หรือค่าชดเชยตามข้อ ๕๙ ให้นายจ้างเสียดอกเบี้ยให้แก่
ลูกจ้างในระหว่างเวลาผิดนัด
ในกรณีที่นายจ้างพร้อมที่จะคืนหรือจ่ายเงินตามวรรคหนึ่ง และได้นำเงินไปมอบไว้แก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย
เพื่อจ่ายให้แก่ลูกจ้าง นายจ้างไม่ต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่นายจ้างนำเงินนั้นไปมอบไว้
[3] เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๑๒๐/๒๕๕๙
[4] นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบต้องจ่ายเงินเพิ่มตามมาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง แต่ในส่วนดอกเบี้ยผิดนัดจ่ายตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
มาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง นายจ้างผู้ใดไม่จ่ายเงินสมทบภายในกำหนดเวลาหรือจ่ายเงินสมทบไม่ครบจำนวนตามที่
จะต้องจ่าย ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละสองต่อเดือนของเงินสมทบที่ต้องจ่ายนับแต่วันถัดจากวันที่ต้องนำส่งเงินสมทบ ทั้งนี้
เงินเพิ่มที่คำนวณได้ต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย
[5] เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๙๔๘๔/๒๕๕๙
[6] เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๑๐๗/๒๕๕๙
[7] นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบต้องจ่ายเงินเพิ่มตามมาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง แต่ในส่วนดอกเบี้ยผิดนัดจ่ายตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง นายจ้างซึ่งไม่นำส่งเงินสมทบในส่วนของตนหรือในส่วนของผู้ประกันตน หรือส่งไม่ครบจำนวน
ภายในเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๔๗ ต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินสมทบที่นายจ้าง
ยังมิได้นำส่งหรือของจำนวนเงินสมทบที่ยังขาดอยู่นับแต่วันถัดจากวันที่ต้องนำส่งเงินสมทบ ทั้งนี้ เงินเพิ่มที่คำนวณได้
ต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย
[8] นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบต้องจ่ายเงินเพิ่มตามมาตรา ๑๐ วรรคสาม แต่ในส่วนดอกเบี้ยผิดนัดจ่ายตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔
มาตรา ๑๐ วรรคสามให้นายจ้างส่งเงินตามวรรคหนึ่งเข้ากองทุนภายในสามวันทำการนับแต่วันที่มีการจ่ายค่าจ้าง
ในกรณีที่นายจ้างส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนล่าช้ากว่าสามวันทำการ ให้นายจ้างจ่ายเงินเพิ่มให้แก่กองทุน
ในระหว่างเวลาที่ส่งล่าช้าในอัตราร้อยละห้าต่อเดือน ของจำนวนเงินสะสมหรือเงินสมทบที่ส่งล่าช้านั้น
[9] "มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง หนี้เงินนั้น ให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราที่กำหนดตามมาตรา ๗ บวกด้วยอัตราเพิ่ม
ร้อยละ ๒ ต่อปี ถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ย
ต่อไปตามนั้น
วรรคสอง ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด
วรรคสาม การพิสูจน์ค่าเสียหายอย่างอื่นนอกจากนั้น ให้พิสูจน์ได้"