ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต่อคดีแรงงาน

วันที่เผยแพร่
03/12/2564

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต่อคดีแรงงาน

 

ชนาธิป ชินะนาวิน

 

๑.       ความเป็นมา

          เดิมการคิดอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายและดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ได้กำหนดไว้ที่อัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี แต่จากสภาวเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันที่ดอกเบี้ย
เงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์อยู่ในอัตราต่ำ ทำให้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์เดิม เป็นอัตราที่สูงเกินไปและก่อให้เกิดภาระแก่ลูกหนี้ รัฐบาลจึงทำการตราพระราชกำหนด
แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อแก้ไขอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย 
กรณีไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ ๓ ต่อปี[1] และกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดเป็นอัตราตามมาตรา ๗ 
บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี

          จากการแก้ไขดังกล่าว ดอกเบี้ยจึงแบ่งออกเป็น

          (๑) ดอกเบี้ยตามสัญญา ซึ่งคู่สัญญาตกลงกันไว้เป็นการเฉพาะ

          (๒) ดอกเบี้ยตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ เช่น ดอกเบี้ยผิดนัดค่าจ้าง ค่าชดเชย 
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ 

          (๓) ดอกเบี้ยตามกฎหมายกรณีคู่สัญญาไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเป็นการเฉพาะ เดิมอัตราร้อยละ 
๗.๕ ต่อปี แก้ไขใหม่เป็นอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี เช่น การให้กู้ยืมเงินโดยระบุให้คิดดอกเบี้ย แต่ไม่ได้กำหนด
อัตราดอกเบี้ยจะคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี 

          (๔) ดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย เดิมอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี แก้ไขใหม่เป็นอัตราตามมาตรา ๗ 
บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี (๓ + ๒ = อัตราร้อยละ  ๕ ต่อปี)

          การปรับอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่นี้มีผลกระทบต่อการคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายและ
ดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย ตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 
พ.ศ. ๒๕๖๔ ใช้บังคับ จึงมีผลกระทบต่อคดีละเมิดที่บังคับใช้ตามกฎหมาย และคดีแพ่งที่ไม่ได้กำหยด
อัตราดอกเบี้ยไว้เป็นการเฉพาะจึงต้องใช้ดอกเบี้ยตามกฎหมายหรือคดีที่ไม่ได้กำหนดดอกเบี้ย แต่คู่สัญญา
ผิดนัดหลังจากพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ใช้บังคับ 
จึงต้องใช้ดอกเบี้ยผิดนัดอัตราใหม่ แต่ไม่กระทบต่อการคิดดอกเบี้ยผิดนัดที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ

          เนื่องจากการปรับอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายและอัตราดอกเบี้ยผิดนัดจะไม่กระทบต่ออัตราดอกเบี้ย
ตามกฎหมายที่สูงกว่า และคดีแรงงานมีการคิดดอกเบี้ยหลากหลายทั้ง ดอกเบี้ยที่กฎหมายบัญญัติไว้
เป็นการเฉพาะ และดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมายแรงงานไทย
จึงมีทั้งอัตราดอกเบี้ยที่มีอัตราคงที่ตามกฎหมายเดิมและอัตราดอกเบี้ยที่มีการเปลี่ยนแปลงตามพระราชกำหนด
แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้

 

๒.       อัตราดอกเบี้ยผิดนัดในคดีแรงงาน

          อัตราดอกเบี้ยผิดนัดในคดีแรงงานจะประกอบไปด้วยเงินที่กฎหมายบัญญัติอัตราดอกเบี้ยผิดนัด
ไว้เป็นการเฉพาะซึ่งอยู่ในกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และเงินที่ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔

          ๒.๑     อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ

                    กฎหมายแรงงานไทยได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดไว้เป็นการเฉพาะตามกฎหมาย ดังนี้

 

กฎหมาย

อัตราดอกเบี้ยผิดนัด

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑

๑. เงินค้ำประกันการทำงาน
๒. ค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

๓. ค่าจ้าง

๔. ค่าล่วงเวลา

๕. ค่าทำงานในวันหยุด

๖. ค่าล่วงเวลาในวันหยุด

๗. เงินกรณีนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราว

๘. ค่าชดเชย

๙. ค่าชดเชยพิเศษ

อัตราดอกเบี้ยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ 
ดอกเบี้ยผิดนัดอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี

          มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง ในกรณีที่นายจ้างไม่คืนหลักประกัน
ที่เป็นเงินตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง ไม่จ่ายเงินกรณีนายจ้าง
บอกเลิกสัญญาจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรา ๑๗/๑ หรือไม่จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลา
ในวันหยุด และเงินที่นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายตามพระราชบัญญัตินี้
ภายในเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๗๐ หรือไม่จ่ายเงินกรณีนายจ้างหยุด
กิจการตามมาตรา ๗๕ หรือค่าชดเชยตามมาตรา ๑๑๘ ค่าชดเชยพิเศษ
แทนการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือค่าชดเชยพิเศษตามมาตรา ๑๒๐ 
มาตรา ๑๒๐/๑ มาตรา ๑๒๑ และมาตรา ๑๒๒ ให้นายจ้าง
เสียดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้างในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละสิบห้าต่อปี

พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน 
พ.ศ. ๒๕๕๐

เทียบเท่าพระราชบัญญัติ
คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑

อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี

พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐

          มาตรา ๘๖ กิจการของโรงเรียนในระบบเฉพาะในส่วน
ของผู้อำนวยการ ครูและบุคลากรทางการศึกษา ไม่อยู่ภายใต้บังคับ
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ 
กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน 
แต่ผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนต้อง
ได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วย
การคุ้มครองแรงงาน

          การคุ้มครองการทำงาน การจัดให้มีคณะกรรมการ
คุ้มครองการทำงานและประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำของผู้อำนวยการ 
ครู และบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนในระบบ ให้เป็นไปตาม
ระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 
๑๘๔๐๖ - ๑๘๔๑๒/๒๕๕๗

พระราชบัญญัติแรงงาน
ทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘

๑. ค่าจ้าง

๒. ค่าล่วงเวลา

อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี

พระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘

          มาตรา ๕๐ ในกรณีที่เจ้าของเรือไม่จ่ายค่าจ้างและ
ค่าล่วงเวลาตามพระราชบัญญัตินี้ ภายในเวลาที่กำหนดตามมาตรา 
๔๙ ให้เจ้าของเรือจ่ายดอกเบี้ยให้แก่คนประจำเรือในระหว่าง
เวลาผิดนัดร้อยละสิบห้าต่อปี

          ในกรณีที่เจ้าของเรือจงใจไม่จ่ายเงินตามวรรคหนึ่ง
เมื่อพ้นกำหนดเวลาเจ็ดวันนับแต่วันที่ถึงกำหนดจ่ายเจ้าของเรือ
ต้องจ่ายเงินเพิ่มให้แก่คนประจำเรือร้อยละสิบห้าของเงินที่ค้างจ่าย
ทุกระยะเวลาเจ็ดวัน

พระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ 

เทียบเท่าพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑

อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี

          มาตรา ๓๘ กิจการขององค์การมหาชนไม่อยู่ภายใต้บังคับ
แห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วย
แรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมาย
ว่าด้วยเงินทดแทน ทั้งนี้ ผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง
ขององค์การมหาชนต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนด
ไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วย
การประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน เทียบเคียง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๔๘๗/๒๕๖๒

*ตารางอัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามที่กฎหมายบัญญัติในคดีแรงงาน

 

          ๒.๒     อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔

                   เงินที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติอัตราดอกเบี้ยผิดนัดไว้เป็นการเฉพาะจะใช้อัตราดอกเบี้ย
ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ ซึ่งเดิมมีอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี 
แต่แก้ไขใหม่เป็นอัตราตามมาตรา ๗ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี (๓ + ๒ = อัตราร้อยละ ๕ ต่อปี)

                   ๒.๒.๑   เงินตามข้อตกลงในสัญญาจ้างหรือสภาพการจ้าง

                             เงินตามข้อตกลงในสัญญาจ้างหรือสภาพการจ้าง ในคดีแรงงานจะไม่มีการกำหนด
อัตราดอกเบี้ยไว้เป็นการเฉพาะตามสัญญา และไม่มีกฎหมายบัญญัติดอกเบี้ยผิดนัดไว้เป็นการเฉพาะ 
เมื่อนายจ้างไม่จ่ายเงินจึงต้องใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔

                             เงินดังกล่าวแบ่งได้เป็น (๑) เงินจูงใจ เช่น เงินโบนัส เบี้ยขยัน (๒) เงินสวัสดิการ 
เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ (๓) เงินที่ลูกค้าจ่ายแก่ลูกจ้าง เช่น ค่าทิป ค่าบริการ

                   ๒.๒.๒   เงินตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำ
ของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ 

                             การคุ้มครองแรงงานภาครัฐวิสาหกิจจะใช้ตามประกาศคณะกรรมการแรงงาน
รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ 
ข้อ ๗ จะไม่มีการบัญญัติอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายไว้[2] จึงต้องใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ เช่น ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด 
เงินทดแทน ค่าชดเชย[3] และเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงาน

                   ๒.๒.๓   เงินตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์

                             เงินตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เช่น เงินค่าเสียหาย
จากการกระทำอันไม่เป็นธรรม ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔

                   ๒.๒.๔   เงินตามกฎหมายเงินทดแทน

                             เงินตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ เช่น เงินทดแทน 
เงินสมทบ[4]นายจ้าง ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔

                   ๒.๒.๕   เงินตามกฎหมายประกันสังคม

                             เงินตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เช่น เงินสมทบ[5] 
เงินประโยชน์ทดแทน[6] ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔[7]

                   ๒.๒.๖   ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

                             ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและ
วิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๙ ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 
มาตรา ๒๒๔

                   ๒.๒.๗   เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

                             เงินตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ เช่น เงินสมทบ[8] 
เงินสะสม ใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔

                   ๒.๒.๘   เงินที่นายจ้างเรียกจากลูกจ้างตามสัญญาจ้างหรือละเมิด

                             เงินที่นายจ้างเรียกจากลูกจ้างตามสัญญาจ้าง เช่น เงินที่ลูกจ้างเป็นตัวแทนรับ
จากลูกค้าแทนนายจ้าง หรือละเมิด เช่น เงินที่ลูกจ้างก่อความเสียหาย เงินที่ลูกจ้างทุจริตใช้
อัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔

 

๓.       การแก้ไขอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายและอัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔

          จากการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในส่วนของดอกเบี้ยและดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย
โดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ มีผล ดังนี้

          ๓.๑     การใช้บังคับ

                   ตามมาตรา ๒ พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ จึงมีผลใช้บังคับ
ตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔

          ๓.๒     อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย

                   พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ 
แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗ ดังนี้

                   “มาตรา ๗ ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือ 
โดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง ให้ใช้อัตราร้อยละสามต่อปี

                   อัตราตามวรรคหนึ่งอาจปรับเปลี่ยนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ
ของประเทศได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา โดยปกติให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนทุกสามปี 
ให้ใกล้เคียงกับอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ ”
                   ผลจากการแก้ไข คือ ในกรณีที่คู่สัญญาได้กำหนดในนิติกรรม หรือมีหนี้
ตามกฎหมายกำหนดให้ลูกหนี้ต้องชำระดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ แต่มิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ ตามมาตรา ๗ 
ให้ใช้อัตราร้อยละสามต่อปี

                   ทั้งนี้ อัตราร้อยละสามต่อปี จะปรับเปลี่ยนทุกสามปี โดยกระทรวงการคลังตราเป็น
พระราชกฤษฎีกา ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายจึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงอัตราได้ตามแต่ละช่วงเวลา

          ๓.๓     อัตราดอกเบี้ยผิดนัด

                   พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ 
แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใช้แก่การคิดดอกเบี้ยผิดนัดที่ถึงกำหนดเวลาชำระตั้งแต่วันที่
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ใช้บังคับ 
(เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา)

                   ในส่วนอัตราดอกเบี้ยผิดนัดนั้น มาตรา ๒๒๔ แก้ไขใหม่[9] ใช้อัตราตามมาตรา ๗ 
(ร้อยละ ๓ ต่อปี) บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ ๒ ต่อปี หรือเท่ากับอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี

 

๔. สรุปดอกเบี้ยในคดีแรงงาน

          ดอกเบี้ยผิดนัดในคดีแรงงานโดยสรุป ดังนี้

อัตราดอกเบี้ยผิดนัด

ประเภทของเงินที่เรียกร้องในคดีแรงงาน

อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี 
ตามกฎหมาย

(๑)      เงินตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ 
เงินตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ เงินตามพระราชบัญญัติ
องค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ เช่น เงินค้ำประกันการทำงาน ค่าจ้างแทน
การบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลา
ในวันหยุด เงินกรณีนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราว ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ

(๒)     เงินตามพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ เฉพาะ 
๑. ค่าจ้าง ๒. ค่าล่วงเวลา

มาตรา ๒๒๔ 
อัตราร้อยละ ๓ ต่อปี 
(อัตราตามมาตรา ๗) บวกด้วยอัตราเพิ่ม
ร้อยละ ๒ ต่อปี 
หรือเท่ากับอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี

(๑)      เงินตามข้อตกลงในสัญญาจ้างหรือสภาพการจ้าง เช่น 
(๑.๑) เงินจูงใจ เช่น เงินโบนัส เบี้ยขยัน (๑.๒) เงินสวัสดิการ เช่น ค่าน้ำมันรถ 
ค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ (๑.๓) เงินที่ลูกค้าจ่ายแก่ลูกจ้าง เช่น 
ค่าทิป ค่าบริการ

(๒)      เงินตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 
เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ เช่น ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา 
ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด เงินทดแทน ค่าชดเชยและ
เงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงาน

(๓)      เงินตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์

(๔)      เงินตามกฎหมายเงินทดแทน เช่น เงินทดแทน เงินสมทบนายจ้าง 

(๕)      เงินตามกฎหมายประกันสังคม เช่น เงินสมทบ เงินประโยชน์ทดแทน

(๖)      ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

(๗)      เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เช่น เงินสมทบ เงินสะสม 

(๘)      เงินที่นายจ้างเรียกจากลูกจ้างตามสัญญาจ้างหรือละเมิด

*ตารางสรุปดอกเบี้ยผิดนัดในคดีแรงงาน

 

          ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยผิดนัดใหม่จะใช้กับการผิดนัดตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งเป็น
วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔) 

----------------------------------

[1] ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา 
และโดยปกติให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนทุกสามปีให้ใกล้เคียงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยให้กู้ยืม
ของธนาคารพาณิชย์

[2] ประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ

            ข้อ ๗ ในกรณีที่นายจ้างไม่คืนเงินประกันตามข้อ ๖ วรรคสอง หรือไม่จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด 
และค่าล่วงเวลาในวันหยุด ภายในเวลาที่กำหนดตามข้อ ๔๔ หรือค่าชดเชยตามข้อ ๕๙ ให้นายจ้างเสียดอกเบี้ยให้แก่
ลูกจ้างในระหว่างเวลาผิดนัด

            ในกรณีที่นายจ้างพร้อมที่จะคืนหรือจ่ายเงินตามวรรคหนึ่ง และได้นำเงินไปมอบไว้แก่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย
เพื่อจ่ายให้แก่ลูกจ้าง นายจ้างไม่ต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่นายจ้างนำเงินนั้นไปมอบไว้

[3] เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๑๒๐/๒๕๕๙

[4] นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบต้องจ่ายเงินเพิ่มตามมาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง แต่ในส่วนดอกเบี้ยผิดนัดจ่ายตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ 

            มาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง นายจ้างผู้ใดไม่จ่ายเงินสมทบภายในกำหนดเวลาหรือจ่ายเงินสมทบไม่ครบจำนวนตามที่
จะต้องจ่าย ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละสองต่อเดือนของเงินสมทบที่ต้องจ่ายนับแต่วันถัดจากวันที่ต้องนำส่งเงินสมทบ ทั้งนี้ 
เงินเพิ่มที่คำนวณได้ต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย

[5] เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๙๔๘๔/๒๕๕๙ 

[6] เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๑๐๗/๒๕๕๙

[7] นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบต้องจ่ายเงินเพิ่มตามมาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง แต่ในส่วนดอกเบี้ยผิดนัดจ่ายตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ 

            มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง นายจ้างซึ่งไม่นำส่งเงินสมทบในส่วนของตนหรือในส่วนของผู้ประกันตน หรือส่งไม่ครบจำนวน
ภายในเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๔๗ ต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินสมทบที่นายจ้าง
ยังมิได้นำส่งหรือของจำนวนเงินสมทบที่ยังขาดอยู่นับแต่วันถัดจากวันที่ต้องนำส่งเงินสมทบ ทั้งนี้ เงินเพิ่มที่คำนวณได้
ต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย

[8] นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบต้องจ่ายเงินเพิ่มตามมาตรา ๑๐ วรรคสาม แต่ในส่วนดอกเบี้ยผิดนัดจ่ายตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔

            มาตรา ๑๐ วรรคสามให้นายจ้างส่งเงินตามวรรคหนึ่งเข้ากองทุนภายในสามวันทำการนับแต่วันที่มีการจ่ายค่าจ้าง 
ในกรณีที่นายจ้างส่งเงินสะสมหรือเงินสมทบเข้ากองทุนล่าช้ากว่าสามวันทำการ ให้นายจ้างจ่ายเงินเพิ่มให้แก่กองทุน
ในระหว่างเวลาที่ส่งล่าช้าในอัตราร้อยละห้าต่อเดือน ของจำนวนเงินสะสมหรือเงินสมทบที่ส่งล่าช้านั้น

[9] "มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง หนี้เงินนั้น ให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราที่กำหนดตามมาตรา ๗ บวกด้วยอัตราเพิ่ม
ร้อยละ ๒ ต่อปี ถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ย
ต่อไปตามนั้น

วรรคสอง ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด

วรรคสาม การพิสูจน์ค่าเสียหายอย่างอื่นนอกจากนั้น ให้พิสูจน์ได้"


เผยแพร่โดย

แผนกคดีแรงงาน

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่