หลักกฎหมายจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานฉบับแรก
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓)
ชนาธิป ชินะนาวิน
๑. ย่อสั้น
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนั้น มีกฎหมายบังคับให้นายจ้างจะต้องจัดให้มีตามประกาศ
กระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๖๘ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจ
ตามความในข้อ ๒ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ดังนั้น จำเลยซึ่งเป็นนายจ้าง
จะต้องจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและต้องมีรายการต่าง ๆ ตามที่ข้อ ๖๘ กำหนดไว้ซึ่งข้อ ๖๘ (๖)
มีรายการเรื่องวินัยและโทษทางวินัยด้วยฉะนั้น นายจ้างจึงมีสิทธิที่จะออกข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
ว่าการเล่นการพนันในบริเวณบริษัทเป็นความผิดสถานหนักมีโทษถึงปลดออกหรือไล่ออก และไม่มีสิทธิได้รับ
ค่าชดเชยได้ ส่วนการจ่ายค่าชดเชย ต้องบังคับตามข้อ ๔๗ (๓) ของประกาศกระทรวงมหาดไทย
ระเบียบข้อบังคับของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย
การเล่นการพนันในบริเวณบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเวลาในขณะปฏิบัติงานหรือนอกเวลาก็ตาม
นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมทำลายความสามัคคี
ในระหว่างหมู่คณะ ทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลง และอาจทำให้บริษัทจำเลยได้รับความเสียหาย
ทางชื่อเสียง การฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง
๒. ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์โดยมิได้จ่ายค่าชดเชย
อ้างว่าโจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานอย่างร้ายแรง เนื่องจากโจทก์กับพวกถูกจับกุม
ฐานเล่นการพนันในหอพักลูกจ้างของบริษัทจำเลยซึ่งอยู่นอกอาคารที่ทำการบริษัทจำเลย และศาลในคดีอาญา
มีคำพิพากษาให้ลงโทษปรับโจทก์คดีนี้ คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เป็นเงิน
๑๓,๒๖๐ บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับและระเบียบอย่างร้ายแรงซึ่งมีโทษถึงปลดออกหรือไล่ออก
จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ถูกเลิกจ้างด้วยเหตุที่ฝ่าฝืนระเบียบ
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในกรณีที่ร้ายแรงไม่มีสิทธิเรียกค่าชดเชยจากจำเลยผู้เป็นนายจ้าง
ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนั้นมีกฎหมายบังคับให้นายจ้าง
จะต้องจัดให้มีตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๖๘
ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๐๓ ดังนั้น
จึงเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน และตามข้อ ๖๘
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานต้องมีรายการต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งข้อ ๖๘(๖) มีรายการเรื่องวินัยและ
โทษทางวินัยด้วย ฉะนั้น จำเลยจึงมีสิทธิที่จะออกข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานว่า การเล่นการพนันในบริเวณ
บริษัทเป็นความผิดสถานหนัก มีโทษถึงปลดออกหรือไล่ออก และไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยได้ อย่างไรก็ตาม
ปัญหาว่าการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในกรณีดังกล่าว จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชย
ให้แก่โจทก์ซึ่งเลิกจ้างหรือไม่ต้องบังคับตามข้อ ๔๗(๓) ของประกาศกระทรวงมหาดไทย ระเบียบข้อบังคับของ
จำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนข้อที่โจทก์อุทธรณ์ว่า แม้โจทก์จะเล่นการพนันในบริเวณบริษัทจำเลย โจทก์ก็เล่นการพนัน
นอกเวลาทำงาน ไม่ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายการกระทำของโจทก์ไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับ
การทำงานในกรณีที่ร้ายแรงนั้น เห็นว่า การเล่นการพนันในบริเวณบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเวลาในขณะปฏิบัติงาน
หรือนอกเวลาก็ตาม นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรม
ทำลายความสามัคคีในระหว่างหมู่คณะ ทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลง และอาจทำให้บริษัทจำเลย
ได้รับความเสียหายทางชื่อเสียงการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง
พิพากษายืน
(ภิญโญ ธีรนิติ ประทีป ชุ่มวัฒนะ สมบูรณ์ บุญภินนท์)
๓. ประวัติศาลแรงงานและแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา
ศาลแรงงานแห่งแรกในประเทศไทย ได้แก่ ศาลแรงงานกลาง (เปิดทำการเมื่อวันพุธที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๒๓)
จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งกฎหมายดังกล่าว
บัญญัติให้การอุทธรณ์คดีแรงงาน อุทธรณ์ได้เฉพาะข้อกฎหมายภายใน ๑๕ วัน และให้อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๗ (เดิม)
จึงบัญญัติ “ให้ประธานศาลฎีกาจัดตั้งแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีแรงงานที่อุทธรณ์
มาจากศาลแรงงาน”
“แผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา” จึงจัดตั้งขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมาย เพื่อพิจารณาพิพากษาคดี
ทั้งในส่วนคำพิพากษา คำสั่ง ตลอดจนคำสั่งคำร้องที่มาจากศาลแรงงานทั่วประเทศ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓ มีการสั่งออกจากแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา
ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๓ (ภายหลังจากศาลแรงงานกลางเปิดเพียง ๖๘ วัน)
๔. หลักกฎหมายตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓
คดีนี้มีการฟ้องเรียกค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน
ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔๗
โดยคดีนี้จำเลยมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานว่า การเล่นการพนันในบริเวณบริษัทเป็นความผิดสถานหนัก
มีโทษถึงปลดออกหรือไล่ออก ซึ่งตามคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นข้อบังคับที่ออกโดยชอบตาม
ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๖๘
โจทก์กระทำผิดวินัยการทำงานของจำเลยโดยเล่นการพนันนอกเวลาทำงานในบริเวณบริษัทจำเลย
ซึ่งคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การเล่นการพนันในบริเวณบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเวลาในขณะปฏิบัติงานหรือ
นอกเวลาก็ตาม นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรม
ทำลายความสามัคคีในระหว่างหมู่คณะ ทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลง และอาจทำให้บริษัทจำเลย
ได้รับความเสียหายทางชื่อเสียงการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง ที่ศาลแรงงาน (กลาง)
พิพากษายกฟ้องไม่จ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์นั้นจึงชอบแล้ว พิพากษายืน
หลังจากที่ศาลฎีกาตัดสินคดีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓ ไปแล้วยังได้วินิจฉัยตามแนว
คดีดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน คือ
ฎีกาที่ ๘๕๘๗ - ๘๕๙๑/๒๕๕๐ โจทก์ทั้งห้าร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์ในวันทำงานปกติช่วงเวลา
พักเที่ยงภายในลานจอดรถยนต์ในบริเวณที่ทำการของจำเลย เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์ทั้งห้าได้พร้อม
อุปกรณ์เล่นการพนัน เมื่อโจทก์ทั้งห้าเล่นไฮโลว์อันเป็นการพนันตามบัญชี ก. ท้าย พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.๒๔๗๘
แม้จะเล่นนอกเวลาปฏิบัติงาน แต่เล่นภายในบริเวณบริษัทจำเลย จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
ของจำเลยที่ห้ามพนักงานเล่นการพนันภายในบริเวณบริษัทจำเลย และการพนันเป็นสาเหตุแห่งการวิวาท
บาดหมาง ชักนำไปสู่การประกอบอาชญากรรมอื่นได้ และมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของจำเลย การฝ่าฝืน
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ทั้งห้าดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งห้าได้
โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และมิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ฎีกาที่ ๓๘๐๑/๒๕๓๑ ข้อบังคับของจำเลยผู้เป็นนายจ้างระบุว่า การเล่นการพนันทุกประเภท
ในสถานที่ทำการที่บริเวณที่ทำการของจำเลยนอกเวลาปฏิบัติงานและถูกศาลพิพากษาลงโทษไม่ถึงจำคุก
ถือว่ากระทำผิดวินัย ซึ่งเท่ากับเป็นการขัดคำสั่งของนายจ้างและประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั่นเอง
เมื่อโจทก์ผู้เป็นลูกจ้างเล่นการพนันในสถานที่หรือบริเวณที่ทำการของจำเลยนอกเวลาปฏิบัติงาน
จนถูกศาลพิพากษาลงโทษปรับ จำเลยย่อมลงโทษไล่โจทก์ออกจากงานได้ กฎหมายมิได้บัญญัติไว้
เป็นการเคร่งครัดตายตัวว่า หากคู่ความฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการยื่นและการรับฟังพยานหลักฐานแล้ว
ศาลต้องปฏิเสธไม่รับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นเสมอไป หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและ
เป็นพยานสำคัญในคดีแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ ในการสืบพยานจำเลย
จำเลยอ้างส่งเอกสารโดยมิได้นำส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ก่อนสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ศาลแรงงานกลาง
มีคำสั่งว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้จำเลยส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ภายในสามวันคำสั่ง
ศาลแรงงานกลางชอบแล้วและศาลรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้
ฎีกาที่ ๒๖๙๑ - ๒๖๙๔/๒๕๒๓ เมื่อการเล่นการพนันเป็นการต้องห้ามตามระเบียบของนายจ้าง
การที่ลูกจ้างเล่นการพนันนอกเวลาปฏิบัติงานในหอพักซึ่งนายจ้างจัดให้เป็นที่อยู่อาศัยของคนงาน
ภายในบริเวณโรงงานและเป็นการพนันไฮโลว์ตามบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัติการพนันฯ ย่อมจะเป็นชนวน
วิวาทบาดหมางในหมู่คนงานด้วยกันและชักนำให้ประกอบอาชญากรรมอย่างอื่นได้ มีผลกระทบกระเทือนถึง
การผลิตและชื่อเสียงของโรงงานนายจ้าง จึงถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง
อันเป็นกรณีที่ร้ายแรง นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างผู้นั้นได้ในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
มีผลใช้บังคับโดยไม่ต้องว่ากล่าวตักเตือนก่อนและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้
๕. สรุป
หลักกฎหมายจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓ ได้วางหลักว่า การเล่นการพนันเป็นเรื่อง
ร้ายแรง การที่ลูกจ้างเล่นการพนันในสถานประกอบการ แม้ไม่ได้เล่นในเวลาทำงานก็ถือเป็นกรณีร้ายแรง
ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย