หลักกฎหมายจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานฉบับแรก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓

วันที่เผยแพร่
09/02/2565

หลักกฎหมายจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานฉบับแรก

(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓)

ชนาธิป  ชินะนาวิน

๑.       ย่อสั้น

          ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนั้น มีกฎหมายบังคับให้นายจ้างจะต้องจัดให้มีตามประกาศ
กระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๖๘ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจ
ตามความในข้อ ๒ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ดังนั้น จำเลยซึ่งเป็นนายจ้าง 
จะต้องจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและต้องมีรายการต่าง ๆ ตามที่ข้อ ๖๘ กำหนดไว้ซึ่งข้อ ๖๘ (๖) 
มีรายการเรื่องวินัยและโทษทางวินัยด้วยฉะนั้น นายจ้างจึงมีสิทธิที่จะออกข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
ว่าการเล่นการพนันในบริเวณบริษัทเป็นความผิดสถานหนักมีโทษถึงปลดออกหรือไล่ออก และไม่มีสิทธิได้รับ
ค่าชดเชยได้ ส่วนการจ่ายค่าชดเชย ต้องบังคับตามข้อ ๔๗ (๓) ของประกาศกระทรวงมหาดไทย 
ระเบียบข้อบังคับของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย

          การเล่นการพนันในบริเวณบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเวลาในขณะปฏิบัติงานหรือนอกเวลาก็ตาม 
นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมทำลายความสามัคคี
ในระหว่างหมู่คณะ ทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลง และอาจทำให้บริษัทจำเลยได้รับความเสียหาย
ทางชื่อเสียง การฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง

 

๒.       ย่อยาว

          โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์โดยมิได้จ่ายค่าชดเชย 
อ้างว่าโจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานอย่างร้ายแรง เนื่องจากโจทก์กับพวกถูกจับกุม
ฐานเล่นการพนันในหอพักลูกจ้างของบริษัทจำเลยซึ่งอยู่นอกอาคารที่ทำการบริษัทจำเลย และศาลในคดีอาญา
มีคำพิพากษาให้ลงโทษปรับโจทก์คดีนี้ คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เป็นเงิน 
๑๓,๒๖๐ บาท

          จำเลยให้การว่า โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับและระเบียบอย่างร้ายแรงซึ่งมีโทษถึงปลดออกหรือไล่ออก 
จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

          ศาลแรงงานกลางงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ถูกเลิกจ้างด้วยเหตุที่ฝ่าฝืนระเบียบ
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในกรณีที่ร้ายแรงไม่มีสิทธิเรียกค่าชดเชยจากจำเลยผู้เป็นนายจ้าง 
ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย พิพากษายกฟ้อง

          โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

          ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนั้นมีกฎหมายบังคับให้นายจ้าง
จะต้องจัดให้มีตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๖๘ 
ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๐๓ ดังนั้น 
จึงเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน และตามข้อ ๖๘ 
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานต้องมีรายการต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งข้อ ๖๘(๖) มีรายการเรื่องวินัยและ
โทษทางวินัยด้วย ฉะนั้น จำเลยจึงมีสิทธิที่จะออกข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานว่า การเล่นการพนันในบริเวณ
บริษัทเป็นความผิดสถานหนัก มีโทษถึงปลดออกหรือไล่ออก และไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยได้ อย่างไรก็ตาม
ปัญหาว่าการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในกรณีดังกล่าว จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชย
ให้แก่โจทก์ซึ่งเลิกจ้างหรือไม่ต้องบังคับตามข้อ ๔๗(๓) ของประกาศกระทรวงมหาดไทย ระเบียบข้อบังคับของ
จำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย

          ส่วนข้อที่โจทก์อุทธรณ์ว่า แม้โจทก์จะเล่นการพนันในบริเวณบริษัทจำเลย โจทก์ก็เล่นการพนัน
นอกเวลาทำงาน ไม่ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายการกระทำของโจทก์ไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับ
การทำงานในกรณีที่ร้ายแรงนั้น เห็นว่า การเล่นการพนันในบริเวณบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเวลาในขณะปฏิบัติงาน
หรือนอกเวลาก็ตาม นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรม 
ทำลายความสามัคคีในระหว่างหมู่คณะ ทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลง และอาจทำให้บริษัทจำเลย
ได้รับความเสียหายทางชื่อเสียงการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง

          พิพากษายืน

(ภิญโญ ธีรนิติ     ประทีป ชุ่มวัฒนะ     สมบูรณ์ บุญภินนท์)

 

๓.       ประวัติศาลแรงงานและแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา

          ศาลแรงงานแห่งแรกในประเทศไทย ได้แก่ ศาลแรงงานกลาง (เปิดทำการเมื่อวันพุธที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๒๓) 
จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งกฎหมายดังกล่าว
บัญญัติให้การอุทธรณ์คดีแรงงาน อุทธรณ์ได้เฉพาะข้อกฎหมายภายใน ๑๕ วัน และให้อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา
          ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๗ (เดิม) 
จึงบัญญัติ “ให้ประธานศาลฎีกาจัดตั้งแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีแรงงานที่อุทธรณ์
มาจากศาลแรงงาน”

          “แผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา” จึงจัดตั้งขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมาย เพื่อพิจารณาพิพากษาคดี
ทั้งในส่วนคำพิพากษา คำสั่ง ตลอดจนคำสั่งคำร้องที่มาจากศาลแรงงานทั่วประเทศ

          คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓ มีการสั่งออกจากแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา 
ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๓ (ภายหลังจากศาลแรงงานกลางเปิดเพียง ๖๘ วัน)

 

๔.       หลักกฎหมายตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓

          คดีนี้มีการฟ้องเรียกค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน 
ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔๗

          โดยคดีนี้จำเลยมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานว่า การเล่นการพนันในบริเวณบริษัทเป็นความผิดสถานหนัก 
มีโทษถึงปลดออกหรือไล่ออก ซึ่งตามคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นข้อบังคับที่ออกโดยชอบตาม
ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๖๘

          โจทก์กระทำผิดวินัยการทำงานของจำเลยโดยเล่นการพนันนอกเวลาทำงานในบริเวณบริษัทจำเลย 
ซึ่งคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การเล่นการพนันในบริเวณบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเวลาในขณะปฏิบัติงานหรือ
นอกเวลาก็ตาม นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรม 
ทำลายความสามัคคีในระหว่างหมู่คณะ ทำให้ผลงานของลูกจ้างลดน้อยลง และอาจทำให้บริษัทจำเลย
ได้รับความเสียหายทางชื่อเสียงการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง ที่ศาลแรงงาน (กลาง) 
พิพากษายกฟ้องไม่จ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์นั้นจึงชอบแล้ว พิพากษายืน

 

          หลังจากที่ศาลฎีกาตัดสินคดีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓ ไปแล้วยังได้วินิจฉัยตามแนว
คดีดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน คือ

          ฎีกาที่ ๘๕๘๗ - ๘๕๙๑/๒๕๕๐ โจทก์ทั้งห้าร่วมกันเล่นการพนันไฮโลว์ในวันทำงานปกติช่วงเวลา
พักเที่ยงภายในลานจอดรถยนต์ในบริเวณที่ทำการของจำเลย เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์ทั้งห้าได้พร้อม
อุปกรณ์เล่นการพนัน เมื่อโจทก์ทั้งห้าเล่นไฮโลว์อันเป็นการพนันตามบัญชี ก. ท้าย พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.๒๔๗๘ 
แม้จะเล่นนอกเวลาปฏิบัติงาน แต่เล่นภายในบริเวณบริษัทจำเลย จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
ของจำเลยที่ห้ามพนักงานเล่นการพนันภายในบริเวณบริษัทจำเลย และการพนันเป็นสาเหตุแห่งการวิวาท
บาดหมาง ชักนำไปสู่การประกอบอาชญากรรมอื่นได้ และมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของจำเลย การฝ่าฝืน
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ทั้งห้าดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งห้าได้
โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และมิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

          ฎีกาที่ ๓๘๐๑/๒๕๓๑ ข้อบังคับของจำเลยผู้เป็นนายจ้างระบุว่า การเล่นการพนันทุกประเภท
ในสถานที่ทำการที่บริเวณที่ทำการของจำเลยนอกเวลาปฏิบัติงานและถูกศาลพิพากษาลงโทษไม่ถึงจำคุก 
ถือว่ากระทำผิดวินัย ซึ่งเท่ากับเป็นการขัดคำสั่งของนายจ้างและประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั่นเอง 
เมื่อโจทก์ผู้เป็นลูกจ้างเล่นการพนันในสถานที่หรือบริเวณที่ทำการของจำเลยนอกเวลาปฏิบัติงาน 
จนถูกศาลพิพากษาลงโทษปรับ จำเลยย่อมลงโทษไล่โจทก์ออกจากงานได้ กฎหมายมิได้บัญญัติไว้
เป็นการเคร่งครัดตายตัวว่า หากคู่ความฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการยื่นและการรับฟังพยานหลักฐานแล้ว
ศาลต้องปฏิเสธไม่รับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นเสมอไป หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและ
เป็นพยานสำคัญในคดีแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ ในการสืบพยานจำเลย 
จำเลยอ้างส่งเอกสารโดยมิได้นำส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ก่อนสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ศาลแรงงานกลาง
มีคำสั่งว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้จำเลยส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ภายในสามวันคำสั่ง
ศาลแรงงานกลางชอบแล้วและศาลรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้

          ฎีกาที่ ๒๖๙๑ - ๒๖๙๔/๒๕๒๓ เมื่อการเล่นการพนันเป็นการต้องห้ามตามระเบียบของนายจ้าง 
การที่ลูกจ้างเล่นการพนันนอกเวลาปฏิบัติงานในหอพักซึ่งนายจ้างจัดให้เป็นที่อยู่อาศัยของคนงาน
ภายในบริเวณโรงงานและเป็นการพนันไฮโลว์ตามบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัติการพนันฯ ย่อมจะเป็นชนวน
วิวาทบาดหมางในหมู่คนงานด้วยกันและชักนำให้ประกอบอาชญากรรมอย่างอื่นได้ มีผลกระทบกระเทือนถึง
การผลิตและชื่อเสียงของโรงงานนายจ้าง จึงถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง
อันเป็นกรณีที่ร้ายแรง นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างผู้นั้นได้ในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
มีผลใช้บังคับโดยไม่ต้องว่ากล่าวตักเตือนก่อนและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้

 

๕.       สรุป

          หลักกฎหมายจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๒๒/๒๕๒๓ ได้วางหลักว่า การเล่นการพนันเป็นเรื่อง
ร้ายแรง การที่ลูกจ้างเล่นการพนันในสถานประกอบการ แม้ไม่ได้เล่นในเวลาทำงานก็ถือเป็นกรณีร้ายแรง 
ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย


เผยแพร่โดย

แผนกคดีแรงงาน

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่