ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องขออนุญาตฎีกาและไม่รับฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ แล้ว ผู้ร้องที่ขออนุญาตฎีกายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าวโดยอ้างว่าคำสั่งของศาลฎีกาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบและขอให้รับฎีกาไว้พิจารณาได้หรือไม่
กรณีดังกล่าวมีคำสั่งคำร้องที่ ท. ๕๘๐/๒๕๖๔ วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ศาลฎีกามีคำสั่งที่ ครพ. ๑๒๑๗/๒๕๖๔ ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองฎีกา ยกคำร้องและไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง คำสั่งศาลฎีกาดังกล่าวจึงเป็นที่สุดและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีกระบวนพิจารณาใดที่ผิดระเบียบ เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองฎีกาแล้ว การที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าวไม่ชอบขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลฎีกาโดยมีวัตถุประสงค์ขอให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาตามคำร้องขออนุญาตฎีกาและฎีกาของจำเลยทั้งสองที่แนบมาพร้อมคำร้องนั้น จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาใดในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๔
ดังนั้น คำสั่งศาลฎีกาที่ไม่อนุญาตฎีกาและไม่รับฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ย่อมเป็นที่สุดแล้ว ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลฎีกาและขอให้รับฎีกาได้อีก เพราะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
ผู้เขียน นางอัญญรัตน์ รัตกิจนากร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ตรวจ นายเอื้อน ขุนแก้ว ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา