“สิทธิผู้บริโภค” โดย ช.ช้างหัวหน้า

วันที่เผยแพร่
20/01/2565

          เชื่อว่าหลายคนคงมีประสบการณ์ซื้อสินค้าที่มีอันตรายหรือไม่ได้มาตรฐานหรือสินค้าหมดอายุโดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ เช่น เครื่องเล่นเด็ก ชุดของขวัญในเทศกาลต่าง ๆ หรือเครื่องสังฆทานถวายพระภิกษุที่ใส่รวมในถังเปล่าสำเร็จรูป กรณีเช่นนี้ผู้ได้รับความเสียหายจะเรียกร้องจากใครได้บ้างซึ่งเราจะมาวิเคราะห์กันในเรื่อง สิทธิผู้บริโภค

          สิทธิผู้บริโภค ตามกฎหมายกำหนดให้ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความคุ้มครองดังต่อไปนี้

(๑) สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับ

สินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการตามความเป็นจริงโดยไม่ถูกหลอกลวงหรือหลงผิด เช่น สินค้าต้องแสดงฉลากตามความเป็นจริงไม่โฆษณาเป็นเท็จหรือเกินจริง เป็นต้น

(๒) สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่จะเลือกซื้อสินค้าโดยสมัครใจไม่ถูกบังคับหรือกลอกลวงหรือชักจูงให้หลงผิดในการชื้อสินค้านั้น

(๓) สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับสินค้าหรือบริการที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน 

(๔) สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา ได้แก่ สิทธิที่จะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบในการทำสัญญาของผู้ประกอบกิจการ

(๕) สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย ได้แก่ สิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่ทำการละเมิดสิทธิดังกล่าวได้

          กฎหมายกำหนดคำว่า ผู้บริโภค หมายถึง ผู้ซื้อหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจโดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ซื้อโดยตรง ดังนั้นผู้ที่ได้รับการให้สินค้าดังกล่าวก็ถือว่าเป็นผู้บริโภคที่จะต้องได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกัน

          นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคได้แก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค( สคบ.) ทำหน้าที่ดูแลและบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจโดยไม่เป็นธรรม  และมีบริการรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภคเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภค

          ขั้นตอนการคุ้มครองจะเริ่มที่ประชาชนยื่นคำขอว่าได้รับความเสียหายจากสินค้าหรือบริการใดบ้างต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค( สคบ.)  เจ้าหน้าที่จะรับคำขอและตรวจสอบเอกสารแล้วส่งไปยังกองงานที่รับผิดชอบเพื่อแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเชิญคู่กรณีมาเจรจาไกล่เกลี่ย หลังจากนั้นหากผลออกมาว่าการเจรจาไกล่เกลี่ยไม่ได้ผลหรือมีการกระทำที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ก็จะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการเฉพาะเพื่อพิจารณาผ่านไปยังคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในการพิจารณาและมีมติต่อไป แล้วแจ้งผลให้ผู้ร้องทราบ

          หากสินค้าหรือบริการใดมีความไม่ปลอดภัยคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคก็ยังมีอำนาจสั่งห้ามขายหรือจำหน่ายได้ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีโทษทางอาญาทั้งจำคุกและปรับ เช่น คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเรื่องห้ามขายสินค้าลวดดัดฟันแฟชั่น, เรื่องห้ามขายสินค้า “ของเล่นชนิดพองตัวเมื่อแช่น้ำ หรือตัวดูดน้ำ” เป็นต้น

          จากหลักการของกฎหมายข้างต้น คงพอจะทำให้เห็นแล้วว่าสินค้าอันตรายหรือสินค้าที่มีการละเมิดสิทธิผู้บริโภค ปัจจุบันได้มีกฎหมายออกมาคุ้มครองและมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องตระหนักถึงภาระหน้าที่จะต้องผลิตสินค้าและจำหน่ายสินค้าที่ได้มาตรฐานไม่ไปละเมิดสิทธิผู้บริโภคมิฉะนั้นก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายและบางครั้งอาจต้องโทษอาญา หากการกระทำเข้าหลักเกณฑ์ที่กฎหมายห้ามไว้


เผยแพร่โดย

แผนกคดีผู้บริโภค

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่