โจทก์ยื่นฎีกาโดยมีอัยการสูงสุดรับรองในฎีกาของโจทก์ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัย แต่มิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมกับคำฟ้องฎีกาได้หรือไม่

คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ แม้อัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัย ผู้ยื่นฎีกาต้องยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมฎีกา ซึ่งการยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้ยื่นฎีกา

คดีนี้ สืบเนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งที่ คร.อท.๕๐๕/๒๕๖๔ ว่า โจทก์ยื่นฎีกา โดยมิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกามาด้วย จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบและมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณา โดยโจทก์อ้างว่าได้บรรยายคำขออนุญาตฎีกาและเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยไว้โดยชัดแจ้งในฎีกาของโจทก์พร้อมแนบคำรับรองเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยและเป็นปัญหาสำคัญของอัยการสูงสุดด้วยแล้ว

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ยื่นฎีกาโดยมีอัยการสูงสุดรับรองในฎีกาของโจทก์ว่า มีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัย แต่มิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาพร้อมกับคำฟ้องฎีกา ซึ่งตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า การฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤมิชอบ ให้ผู้ฎีกายื่นคำร้องแสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้พิจารณาพร้อมกับคำฟ้องฎีกาต่อศาลชั้นต้นที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีนี้ และตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๒๙ ในกรณีที่อัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของพนักงานอัยการว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยตามมาตรา ๔๖ วรรคสี่ คำร้องตามมาตรา ๔๔ เพียงแสดงว่าอัยการสูงสุดหรือพนักงานอัยการซึ่งอัยการสูงสุดมอบหมายได้ลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของพนักงานอัยการว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัย ดังนี้ตามบทบัญญัติดังกล่าว การยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาถือว่าเป็นหน้าที่ของโจทก์ผู้ฎีกาที่จะต้องยื่นคำร้องพร้อมฎีกา การที่โจทก์ไม่ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา ศาลชั้นต้นไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งให้โจทก์ยื่นคำร้องก่อน เพราะไม่ใช่กรณียื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาแล้วมีข้อบกพร่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘ ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๔๘ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งส่งฎีกาของโจทก์มาศาลฎีกานั้น จึงชอบแล้ว ส่วนที่อัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของโจทก์ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัย เป็นเพียงเหตุหนึ่งที่ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ให้ศาลฎีการับฎีกา ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๔๖ วรรคสี่ เท่านั้น คำสั่งศาลฎีกามิได้มีข้อผิดพลาดหรือผิดระเบียบแต่ประการใด เมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาที่ คร.อท.๕๐๕/๒๕๖๔ ให้คู่ความฟังแล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมเป็นอันถึงที่สุด กรณีไม่มีเหตุให้เพิกถอนตามคำร้องของโจทก์ ให้ยกคำร้อง ตามคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ ท.๖๑๓ - ๖๑๔/๒๕๖๔

 

ผู้เขียน  นายประเสริฐ ผดุงเกียรติวัฒนา  ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ผู้ตรวจ  นายธานี สิงหนาท  ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๕ 

 

 

 


เผยแพร่โดย

แผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกา

เข้าดู
แชร์บทความนี้

บทความสาระความรู้ล่าสุด
การฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีรถชนที่มีการฟ้องผู้กระทำความผิดเป็นคดีอาญาด้วย

ในคดีละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาได้หรือไม่

กรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้กระทำละเมิด ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 แต่เป็นลูกจ้างบริษัท จ. โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลหมายเรียกบริษัท จ. นายจ้างที่แท้จริง เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้หรือไม่

การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่
การฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 หรือไม่