ในคดีอาญาซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘, ๒๑๙ และมาตรา ๒๒๐ คำร้องขออนุญาตฎีกาที่เสนอต่อผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๑ นั้น หมายความรวมถึงผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาในวันนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลย ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันสืบพยานด้วยหรือไม่
กรณีดังกล่าวมีคำสั่งคำร้องที่ ท. ๒๐๖๙/๒๕๕๒ วินิจฉัยว่า นาย ว. ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งนอกจากเป็นผู้พิพากษาที่สั่งประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว ยังเป็นผู้พิพากษาที่ออกนั่งพิจารณาในวันนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลย รวมทั้งวันตรวจพยานหลักฐาน ดังนี้ แม้นาย ว. จะมิใช่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาสืบพยาน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นผู้พิพากษาคนหนึ่งซึ่งได้พิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๑ จึงมีอำนาจที่จะพิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ และต่อมามีคำสั่งคำร้องที่ ท. ๕๖๑/๒๕๖๔ และ ท. ๖๙๑/๒๕๖๔ วินิจฉัยตามแนววินิจฉัยดังกล่าว
ดังนั้น ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๑ หมายความรวมถึงผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาในวันนัดพร้อมประชุมคดีสอบคำให้การจำเลย วันตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันสืบพยานด้วย
ผู้เขียน นางอัญญรัตน์ รัตกิจนากร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้ตรวจ นางปรานี เชาวลิต ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๕