ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางลงโทษปรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นเงินคนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษยังคงพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ กระทำความผิดและลงโทษปรับยืนตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง จึงเป็นการพิพากษายืนตามศาลล่าง และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีหรือปรับ ฎีกาของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ทำนองว่าหากศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๓๐ (๑) ประกอบมาตรา ๖๙ วรรคหนึ่ง โดยเห็นว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของโจทก์ทั้งสี่เพื่อประโยชน์ในธุรกิจของจำเลยที่ ๑ มิใช่เป็นการนำเอาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำซ้ำ ดัดแปลง งานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสี่ออกจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยตรง คดีของโจทก์ทั้งสี่จึงขาดอายุความ นั้น เห็นได้ว่ายังต้องมีการพิจารณาข้อเท็จจริงว่ามีพยานหลักฐานรับฟังได้ว่ามีข้อเท็จจริงยุติเช่นว่านั้นหรือไม่เสียก่อน แล้วนำข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ไปวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวมีผลตามกฎหมายทำให้การกระทำของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไม่เป็นการร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสี่เพื่อการค้า ฎีกาของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ประการนี้จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามคู่ความฎีกาตามพรบ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ และ ป.วิ.อ. มาตรา ๒๑๘ วรรคแรก
แผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕