คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๑๗๕/๒๕๖๔ เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคาใช้แทนรถยนต์คือวันอ่านคำพิพากษา และสิทธิที่จะได้รับดอกเบี้ยของหนี้เงินดังกล่าวเกิดขึ้นนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นต้นไป

ป.พ.พ. มาตรา ๒๒๕  บัญญัติว่า  “ถ้าลูกหนี้จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อราคาวัตถุอันได้เสื่อมเสียไประหว่างผิดนัดก็ดีหรือวัตถุอันไม่อาจส่งมอบได้เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันเกิดขึ้นระหว่างผิดนัดก็ดี ท่านว่าเจ้าหนี้จะเรียกดอกเบี้ยในจำนวนที่จะต้องใช้เป็นค่าสินไหมทดแทนคิดตั้งแต่เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคานั้นก็ได้…” ราคาใช้แทนรถยนต์ ๕๑,๕๗๕ บาท ที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ นับเป็นค่าสินไหมทดแทนที่ลูกหนี้จำต้องใช้เพื่อราคาวัตถุอันไม่อาจส่งมอบได้เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันเกิดขึ้นระหว่างผิดนัด  โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในจำนวนที่จะต้องใช้เป็นค่าสินไหมทดแทน คิดตั้งแต่เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคานั้นได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๒๕  ดังนั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี  หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงินจำนวนเท่าใดแล้ว  วันอ่านคำพิพากษาย่อมเป็นเวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคาใช้แทนรถยนต์ได้ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยของราคาใช้แทนรถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ และสิทธิที่จะได้รับดอกเบี้ยของหนี้เงินดังกล่าวเกิดขึ้นนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นต้นไป  จำเลยย่อมต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละ ๕ ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่อาจปรับเปลี่ยนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาบวกเพิ่มด้วยอัตราร้อยละสองต่อปีตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง  และมาตรา ๗  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม ป.พ.พ. พ.ศ.  ๒๕๖๔  (คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๑๗๕/๒๕๖๔)

เผยแพร่โดย

แผนกคดีผู้บริโภค

วันที่เผยแพร่
21/11/2565
เข้าดู
4
Share