การพิจารณาว่าเครื่องหมายการค้ามีหรือประกอบด้วยเครื่องหมายที่เหมือนกับเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปหรือคล้ายกับเครื่องหมายดังกล่าวจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าหรือไม่ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2564)

          เครื่องหมายของจำเลยร่วม ประกอบไปด้วยภาคส่วนอักษรโรมันคำว่า “F-1” “FORMULA-1 OPTICAL FRAME” และ “COLLECTION” เรียงกัน 3 บรรทัด และภาคส่วนรูปช่อหรีดหรือรวงข้าวประดิษฐ์ โอบล้อมคำว่า “F-1” ซึ่งคำดังกล่าวมีขนาดใหญ่กว่าคำอื่น ๆ ในเครื่องหมาย ภาคส่วนคำว่า “F-1” จึงถือเป็นส่วนที่เป็นสาระสำคัญของเครื่องหมาย และอาจออกเสียงเรียกขานได้ว่า “เอฟ วัน” ส่วนเครื่องหมายที่จดทะเบียนแล้วของโจทก์ประกอบไปด้วยภาคส่วนอักษร “F” ประดิษฐ์ และตัวเลขประดิษฐ์ “1” และคำว่า “Formula 1” ในลักษณะเอียง และภาคส่วนลายเส้นหลังตัวเลขประดิษฐ์ “1” โดยภาคส่วนคำว่า “F1” มีขนาดอักษรใหญ่กว่าคำว่า “Formula 1” อย่างเห็นได้ชัด ภาคส่วนคำว่า “F1” จึงถือเป็นส่วนที่เป็นสาระสำคัญของเครื่องหมาย และอาจออกเสียงเรียกขานได้ว่า “เอฟ วัน” เช่นกัน ดังนี้ เครื่องหมายทั้งสองจึงมีสาระสำคัญอยู่ที่ คำว่า “F-1” และ “F1” ซึ่งนับว่าใกล้เคียงกันมาก ทั้งสาธารณชนที่พบเห็นโดยทั่วไปก็อาจเรียกขานเครื่องหมายของทั้งสองฝ่ายได้ว่า “เอฟ วัน” เหมือนกันแม้เครื่องหมายทั้งสองจะมีส่วนประกอบอื่นแต่ก็เป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยมิใช่สาระสำคัญของเครื่องหมาย นอกจากนี้เครื่องหมายทั้งสองต่างก็มีคำว่า “FORMULA-1” และ “Formula 1” ในขนาดที่เล็กกว่าวางตำแหน่งอยู่ในบริเวณใต้คำว่า “F-1” และ “F1” อันทำให้สาธารณชนที่พบเห็นเครื่องหมายทั้งสองดังกล่าวเข้าใจได้ว่า คำว่า “FORMULA-1” และ “Formula 1” เป็นคำเต็มของคำว่า “F-1” และ “F1” ดังนี้ เครื่องหมายและจึงมีรูปลักษณะและเสียงเรียกขานที่คล้ายกัน เครื่องหมายการค้าของจำเลยร่วม ประกอบไปด้วยตัวอักษรโรมันและเลขอารบิกว่า “FORMULA-1” และอาจเรียกขานได้ว่า “ฟอร์มูล่า วัน” ส่วนเครื่องหมายที่จดทะเบียนแล้วของโจทก์ประกอบไปด้วยอักษรโรมันและเลขอารบิกว่า “FORMULA 1” ในบรรทัดบน กับตัวอักษรไทยและเลขอารบิกคำว่า “ฟอร์มูล่า 1” ในบรรทัดล่าง ตัวอักษรทั้งสองบรรทัดมีขนาดใกล้เคียงกัน คำในทั้งสองบรรทัดจึงถือเป็นสาระสำคัญของเครื่องหมาย โดยอาจเรียกขานได้ว่า “ฟอร์มูล่า วัน” เช่นเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบเครื่องหมายและแล้ว เห็นว่า ทั้งสองเครื่องหมายต่างเป็นเครื่องหมายที่มีคำว่า “FORMULA” มีตัวสะกดเหมือนกันทุกประการ ตามด้วยเลขอารบิก “1” เหมือนกัน และต่างเป็นเครื่องหมายที่มีเฉพาะภาคส่วนคำทั้งสองเครื่องหมายอาจเรียกขานได้ว่า “ฟอร์มูล่าวัน” เหมือนกันแม้เครื่องหมายของโจทก์จะมีคำภาษาไทยและเลขอารบิกคำว่า “ฟอร์มูล่า 1” ในบรรทัดล่าง แต่ก็เป็นคำทับศัพท์จากอักษรโรมันซึ่งเป็นคำภาษาอังกฤษในบรรทัดบน โดยอาจอ่านออกเสียงได้ว่า “ฟอร์มูล่า วัน” เช่นเดียวกัน และแม้เครื่องหมายของจำเลยร่วมจะมีเครื่องหมาย “-” อยู่ระหว่างคำว่า “FORMULA” และเลข “1” แต่ก็เป็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ไม่ทำให้เสียงเรียกขานแตกต่างไปจากคำในเครื่องหมายของโจทก์ กรณีจึงนับได้ว่าเครื่องหมายและมีรูปลักษณะและเสียงเรียกขานคล้ายกันบริษัทโจทก์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2517 เป็นบริษัทในเครือของเดอะ ฟอร์มูล่า วัน กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทน้ำมันเครื่อง อะไหล่รถยนต์ ชิ้นส่วนตกแต่งรถยนต์และรถแข่ง รวมถึงอุปกรณ์ในการแข่งขันรถแข่งภายใต้เครื่องหมายคำว่า “Formula 1” และ “F1” โจทก์มีหน้าที่ในด้านส่งเสริมการขายและจัดกิจกรรมแข่งขันรถชิงแชมป์โลก “ฟอร์มูล่าวัน” ร่วมกับสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติซึ่งเป็นการแข่งขันรถระดับสูงสุดของโลก มีผู้ติดตามชมการแข่งขันทางโทรทัศน์กว่า 400,000,000 คน ต่อปี ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โจทก์ยื่นขอและได้รับจดทะเบียนเครื่องหมายคำว่า “Formula 1” และ “F1” ในหลายประเทศทั่วโลก เครื่องหมายการค้าและบริการคำว่า “Formula 1” และ “F1” ของโจทก์เป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่ประชาชนชาวไทยมาประมาณ 70 ปี แล้ว นับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวันเป็นครั้งแรกปี 2493 เครื่องหมายการค้าของโจทก์จึงนับเป็นเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปดังนี้ เมื่อได้ความว่าเครื่องหมายและตามคำขอจดทะเบียนของจำเลยร่วมมีรูปลักษณะและเสียง  เรียกขานคล้ายกับเครื่องหมายและของโจทก์ เครื่องหมายการค้าและตามคำขอจดทะเบียนของจำเลยร่วมจึงเป็นเครื่องหมายที่คล้ายกับเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปดังกล่าวของโจทก์จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 8 (10)

 

 

แผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา

                                              เมษายน 2566

เผยแพร่โดย

แผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา

วันที่เผยแพร่
25/04/2566
เข้าดู
5
Share