คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๑๓/๒๕๖๓ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกและภริยาชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ได้เข้ารับภาระหนี้แทนผู้ตายผู้เอาประกันภัยและทำสัญญากู้ฉบับใหม่กับธนาคาร ก. ผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย โดยนำหนี้ของผู้ตายรวมกับหนี้ที่โจทก์กู้จากธนาคารคิดเป็นเงินกู้ทั้งสิ้น ๗๖๙,๐๐๐ บาท ถือได้ว่าหนี้ตามสัญญากู้ระหว่างธนาคาร ก. กับผู้ตายเป็นอันระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๕๐ อันจะพอแปลได้ว่าธนาคารสละประโยชน์จากที่ได้แสดงเจตนาเข้ารับไว้ตามสัญญาประกันภัย และทำให้ธนาคาร ก. ไม่อาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามข้อตกลงในสัญญาประกันภัยอันเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกที่เป็นประกันแห่งหนี้ซึ่งระงับไปแล้วได้ ส่วนนางสาว ส. ผู้รับประโยชน์อีกรายไม่ปรากฏว่าได้เข้าถือเอาประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย สิทธิของนางสาว ส. ตามสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกจึงยังไม่เกิดขึ้น โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายคู่สัญญาประกันภัย ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประกันภัยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ แม้โจทก์ไม่ใช่ผู้รับประโยชน์ตามสัญญา และค่าสินไหมทดแทนที่จะได้รับตามสัญญาประกันภัยดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์มรดกที่ผู้ตายมีอยู่ขณะถึงแก่ความตายเพราะได้มาภายหลังจากผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วก็ตาม
แม้โจทก์ไม่ใช่ผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย แต่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายคู่สัญญาประกันภัยก็มีอำนาจฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาประกันภัยได้ (คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๑๓/๒๕๖๓)
เผยแพร่โดย
แผนกคดีผู้บริโภค
วันที่เผยแพร่
16/05/2566
เข้าดู
112
Share
คำพิพากษาที่น่าสนใจล่าสุด
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
29/10/2568
พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯ : อำนาจฟ้อง
24/10/2568
ภาษีอากร : ประมวลรัษฎากร มาตรา 12
24/10/2568
จำเลยฎีกาในคดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
24/09/2568
โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและขอถอนคำร้องทุกข์ จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกา
26/08/2568