งานดนตรีกรรมอันมีลิขสิทธิ์ลำพังเพียงคำร้องอย่างเดียว แต่ไม่มีทำนองแม้จะแต่งคำร้องนั้น เพื่อบรรเลงหรือขับร้อง จะถือว่าเป็นงานดนตรีกรรมที่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ หรือไม่ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๐๑๖/๒๕๖๑)

           คำฟ้องมีใจความโดยสรุปว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์งานดนตรีกรรมของโจทก์ เพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ขับร้องโดย ม. โดยจำเลยที่ ๒ หรือนามแฝงว่า ส. และจำเลยที่ ๓ ได้ร่วมกันนำเอาคำร้องและทำนองเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ในท่อนที่มีเนื้อร้องและทำนองว่า “สิดี สิดี สิดี สิดี สิดี สิดี สิดี” ที่มีลิขสิทธิ์ของโจทก์ ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นสาระสำคัญของเพลงไปเรียบเรียงเนื้อร้องและทำนองไว้ในเพลง “เอาผัวไปเทิร์น” ที่ขับร้องโดย ล. ศิลปินนักร้องในสังกัดของจำเลยที่ ๑ ซึ่งจำเลยที่ ๑ ยื่นคำให้การว่า “...การแต่งคำร้องและเรียบเรียงเสียงประสานเพลงท่อนที่โจทก์กล่าวอ้างตามฟ้อง เป็นกรณีที่จำเลยที่ ๒ ได้ช่วยเหลือโจทก์ โดยผู้แต่ง (ห.) คำร้องและทำนองเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ได้เขียนคำร้องของเพลงดังกล่าวในส่วน “สิดี” โดยมีคำว่า “สิดี” เพียงคำเดียว โดยผู้แต่งคำร้อง ทำนองเพลงดังกล่าว เป็นทีมงานเดียวกับจำเลยที่ ๒ และในระหว่างที่จะทำการผลิตและอัดเสียงเพลงอัลบั้มของโจทก์ ซึ่งมีเพลงของโจทก์ตามฟ้องรวมอยู่ด้วย จำเลยที่ ๒ เห็นว่าคำร้องส่วนที่แต่งมายังขาด ห้วน ไม่ลงจังหวะ จึงได้ช่วยเหลือโดยต่อคำร้องคำว่า “สิดี” ไปอีก ๖ คำ จนมีคำร้องคำว่า “สิดี” จำนวน ๗ คำ การที่จำเลยที่ ๒ ช่วยต่อคำร้องเพิ่มและได้เรียบเรียงให้มีจำนวน ๗ คำ ก็เป็นไปตามห้อง/จังหวะของดนตรี ทั้งการซ้ำของคำว่า “สิดี” ก็มีเพียง ๒ คำ หรือ ๒ ตัวโน้ต จำเลยที่ ๒ ได้ช่วยสร้างสรรค์งานดนตรีกรรมโดยเสริมคำร้องและเรียบเรียงทำนองเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ของโจทก์ที่ว่า “สิดี สิดี สิดี สิดี สิดี สิดี สิดี” ตามที่อ้างในคำฟ้องด้วยตนเอง ไม่ได้มีข้อตกลงให้ลิขสิทธิ์ในการเรียบเรียงส่วนดังกล่าวเป็นของโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็ทราบดี...” ดังนั้นที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า คำว่า “สิดี สิดี สิดี สิดี สิดี สิดี สิดี” เป็นส่วนสาระสำคัญของเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ส่วนจำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้เพิ่มเติมคำร้องคำว่า “สิดี” เป็น ๗ คำ ในเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ของโจทก์ โดยไม่มีข้อตกลงให้ลิขสิทธิ์เป็นของโจทก์ คำให้การของจำเลยที่ ๑ ข้างต้น จึงโต้แย้งความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามคำฟ้องของโจทก์แล้ว กรณีตามคำฟ้องจึงไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่า งานดนตรีกรรมตามฟ้องเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๖๒ วรรคหนึ่ง การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่วินิจฉัยในประเด็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในเนื้อร้องและทำนองเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” หรือไม่ จึงไม่ชอบ น. ได้ตกลงขายลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรมเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ให้แก่โจทก์ และจำเลยที่ ๒ เรียบเรียงเสียงประสานให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์จึงได้นำเพลงดังกล่าวไปแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาโดยระบุว่า โจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรมเพลงดังกล่าว แม้จำเลยทั้งสามอ้างว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้คิดคำว่า “สิดี” จำนวน ๗ คำ ในคำร้องเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” แต่งานดนตรีกรรมตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔ เพียงทำนองเพลงงานดนตรีกรรมอันมีลิขสิทธิ์ต้องมีทำนองเพลงเป็นสำคัญ จะมีคำร้องหรือไม่ไม่ใช่ข้อสำคัญ ลำพังอย่างเดียวก็ถือว่าเป็นงานดนตรีกรรมที่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งลำพังเพียงคำร้องอย่างเดียวแต่ไม่มีทำนองแม้จะแต่งคำร้องนั้นเพื่อบรรเลงหรือขับร้องก็ไม่อาจถือว่าเป็นงานดนตรีกรรมตามบทนิยามดังกล่าวได้ ดังนั้น เฉพาะคำร้องคำว่า “สิดี” จำนวน ๗ คำ ในเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” จึงไม่ใช่งานดนตรีกรรมที่แยกออกมาจากเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ได้ จึงฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรมเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ซึ่งมีคำว่า “สิดี” จำนวน ๗ คำ รวมอยู่ด้วยโจทก์นำสืบกล่าวอ้างลอย ๆ ว่า เนื้อร้องและทำนองในท่อนคำว่า “สิดี” จำนวน ๗ คำ เป็นจุดขายที่ทำให้สาธารณชนจดจำเพลงของโจทก์ โดยไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นของโจทก์สนับสนุนตามคำเบิกความของ อ. ว่าสาธารณชนเกิดความสับสนระหว่างเพลง “เอาผัวไปเทิร์น” ของจำเลยทั้งสาม และเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ของโจทก์ อันจะถือได้ว่าเนื้อร้องและทำนองในท่อนคำว่า “สิดี” จำนวน ๗ คำ เป็นส่วนสาระสำคัญของเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ของโจทก์ แม้โจทก์จะใช้คำว่า “สิดี” เป็นจุดขายของเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” แต่เมื่อคำว่า “สิดี” เป็นคำพื้นเมืองทั่วไป มีความหมายส่อไปในทางความพึงพอใจ ความสนุก ซึ่งโจทก์ไม่โต้แย้งความหมายของคำดังกล่าว ทั้งพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ด้วยว่า ท่อนคำว่า “สิดี” จำนวน ๗ คำ นั้น มีทำนองเพลงอยู่ด้วยหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏแต่เพียงว่าทั้งเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ของโจทก์และเพลง “เอาผัวไปเทิร์น” ของจำเลยที่ ๑ ต่างก็เป็นเพลงที่จำเลยที่ ๒ คิดคำว่าสิดีขึ้นมาให้เป็นเพียงคำย้ำ ซึ่งจำเลยที่ ๒ เพียงแต่เว้นช่วงจังหวะตัวโน้ตตัวท้ายให้ต่างกัน ๑ ตัวโน้ตเท่านั้น ยังมิใช่ทำนองเพลงอันถือเป็นส่วนสาระสำคัญของเพลงโจทก์ การที่จำเลยทั้งสามทำซ้ำหรือดัดแปลงส่วนดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดนตรีกรรมเพลง “อยู่กับน้องสิดีคือเขาบ่” ของโจทก์ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นการละเมิดงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๐๑๖/๒๕๖๑)

 

 

แผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา

                                              มิถุนายน ๒๕๖๖

เผยแพร่โดย

แผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา

วันที่เผยแพร่
30/06/2566
เข้าดู
3
Share