คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๑๘๓/๒๕๖๕ ข้อสัญญาที่บังคับให้ การระงับข้อพิพาทต้องดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการสถานเดียว โดยไม่ได้ให้ใช้สิทธิทางศาล เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม

ผู้ประกอบธุรกิจจัดทำสัญญาเป็นแบบมาตรฐานให้ผู้บริโภคต้องยอมรับข้อสัญญาที่บังคับให้การระงับข้อพิพาทต้องดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการสถานเดียวโดยไม่ได้ให้ใช้สิทธิทางศาลตามกฎหมาย พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๕๑ ถือได้ว่าเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๔ วรรคสาม ที่ทำให้ข้อสัญญาเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีการทางอนุญาโตตุลาการใช้บังคับไม่ได้

ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๒๒ เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคซึ่งโดยสภาพแล้วมักอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบผู้ประกอบธุรกิจทั้งใน
ด้านความรู้ทางเทคโนโลยี คุณภาพสินค้าหรือบริการ และเทคนิคการตลาดของผู้ประกอบการ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม และเมื่อเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจ กระบวนการในการระงับข้อพิพาทเพื่อให้การคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคตามเจตนารมณ์ของกฎหมายนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงได้มีการตรา
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๕๑ ออกใช้บังคับแก่คดีผู้บริโภคภายใต้หลักการให้การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และ
เป็นธรรม ศาลเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดำเนินกระบวนพิจารณา พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๕๑ จึงเป็นบทกฎหมายที่กำหนดวิธีการระงับข้อพิพาทในคดีผู้บริโภคไว้โดยเฉพาะเพื่อให้การคุ้มครองผู้บริโภคตามเจตนารมณ์ของกฎหมายให้เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพ ส่วนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีการทางอนุญาโตตุลาการ แม้จะเป็นวิธีการที่คู่สัญญาอาจเลือกใช้ในการระงับข้อพิพาทและมีผลใช้บังคับกันได้ตามข้อตกลงของคู่สัญญาตามหลักเสรีภาพของการแสดงเจตนาแต่ก็ต้องเป็นข้อตกลงที่เกิดขึ้นด้วยความสมัครใจของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ผู้บริโภคต้องมีโอกาสต่อรองหรือตระหนักดีว่าการดำเนินกระบวนการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการซึ่งกล่าวเฉพาะคดีนี้ต้องบังคับตามข้อบังคับสำนักงานศาลยุติธรรมว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ ซึ่งมีขั้นตอนและวิธีปฏิบัติแตกต่างจากบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๕๑ หลายประการ ทั้งในชั้นเสนอข้อพิพาทที่ต้องทำเป็นหนังสือและประกอบด้วยรายละเอียดต่าง ๆ การเสนอชื่อและคัดค้านอนุญาโตตุลาการ รวมทั้งภาระในค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายและค่าป่วยการต่าง ๆ ในการดำเนินกระบวนพิจารณา ซึ่งโดยรวมแล้วอาจเป็นการเพิ่มภาระแก่ผู้บริโภคที่พึงมี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการลดทอนสิทธิที่ผู้บริโภคพึงได้รับตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๕๑ อยู่มาก เมื่อสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดซึ่งต้องอยู่ในบังคับพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๖/๒ กล่าวคือ แบบของสัญญาต้องเป็นไปตามที่รัฐมนตรีกำหนด การที่จำเลยผู้ประกอบธุรกิจจัดทำสัญญาเป็นแบบมาตรฐานให้ผู้บริโภคที่จะซื้อห้องชุดต้องยอมรับข้อสัญญา ข้อ ๑๐.๔ ที่บังคับให้การระงับข้อพิพาทต้องดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการสถานเดียวโดยไม่ได้ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะใช้สิทธิทางศาลตามกฎหมายว่าด้วยการนี้โดยเฉพาะเช่นนี้ นอกจากจะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายในอันที่จะคุ้มครองผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นข้อตกลงที่นอกเหนือไปจากแบบที่รัฐมนตรีกำหนดและไม่เป็นคุณต่อโจทก์ผู้ซื้อ ซึ่งไม่มีผลใช้บังคับตามมาตรา ๖/๒ วรรคสอง กับมีลักษณะเป็นการเพิ่มภาระเกินกว่าที่โจทก์พึงมีตาม บทกฎหมายที่เกี่ยวข้องอันถือได้ว่าข้อสัญญาข้อนี้เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๔ วรรคสามด้วย กรณีจึงมีเหตุที่ทำให้สัญญาอนุญาโตตุลาการ ข้อ ๑๐.๔ ใช้บังคับไม่ได้ โจทก์ย่อมฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นได้โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง

เผยแพร่โดย

แผนกคดีผู้บริโภค

วันที่เผยแพร่
31/08/2566
เข้าดู
6
Share