พรบ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร - การอุทรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์

ครพ.ภษ. 3456/2562 

    ศาลภาษีอากรกลางรับฟ้องเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งรับฟ้องเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งในวันดังกล่าวว่า จำเลยอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาอุทธรณ์ จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ ต่อมาวันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 จำเลยจึงอุทธรณ์คำสั่งของศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลภาษีอากรกลางที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ของจำเลย ซึ่งมีผลเป็นการยืนตามคำปฏิเสธของศาลภาษีอากรกลางที่ไม่รับอุทธรณ์ ดังนั้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษจึงเป็นที่สุด ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรฯ มาตรา 26 อันเป็นบทบัญญัติเฉพาะ หาใช่เป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 244/1 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรฯ มาตรา 26 ที่ใช้บังคับแก่คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเป็นการทั่วไปไม่ คำสั่งของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษกรณีนี้จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับ ป.วิ.พ. มาตรา 247 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรฯ มาตรา 26 ที่จะขออนุญาตฎีกาได้ การส่งความเห็นเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 212 จะต้องเป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่จำเลยโต้แย้งว่า คำสั่งของศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่ใช่กรณีที่จะต้องส่งฎีกาของจำเลยไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 

เผยแพร่โดย

แผนกคดีภาษีอากร

วันที่เผยแพร่
17/04/2563
เข้าดู
5
Share