ภาษีสรรพสามิต : ราคาขาย ณ โรงอุตสาหกรรม

ครพ.ภษ. 3553/2564

          จำเลยกำหนดราคารถยนต์พิพาทโดยใช้หลักเกณฑ์ตามบันทึกของกรมสรรพสามิต ด่วนมากที่ กค 0616/ว175 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 เรื่อง การจัดเก็บภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผลิตหรือประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ใช้แล้ว ซึ่งจำเลยถือปฏิบัติเป็นการทั่วไปสำหรับผู้ประกอบอุตสาหกรรมทุกราย โจทก์อ้างว่ารถยนต์พิพาทมีการซื้อขายกันในราคาที่เหมาะสมตามความเป็นจริง โจทก์ให้ข้อมูลการคำนวณต้นทุนโครงสร้างการผลิตในส่วนที่เป็นข้อมูลหลักเพื่อใช้ในการคำนวณได้อยู่แล้ว แต่โครงสร้างราคาขาย ณ โรงอุตสาหกรรมของโจทก์ไม่มีความสมบูรณ์เพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับโครงสร้างรถยนต์ที่ใช้เป็นต้นทุนการผลิต และโจทก์ไม่มีหลักฐานมาแสดงให้เห็นถึงต้นทุนวัตถุดิบและอุปกรณ์ตามที่โจทก์แสดงราคาไว้ ทั้งราคาของตัวถังและเครื่องยนต์ของรถยนต์พิพาทที่โจทก์ซื้อมีราคาต่ำกว่าราคาต้นทุนที่บริษัทผู้ขายนำเข้า ทำให้ราคาที่โจทก์ซื้อมาไม่น่าเชื่อว่าเป็นราคาซื้อขายที่แท้จริง กรณีจึงไม่อาจคำนวณราคาขาย ณ โรงอุตสาหกรรมได้ และพยานหลักฐานของโจทก์ไม่ปรากฏราคาขายปลีกของรถยนต์ที่ใช้แล้วที่มีสภาพอย่างเดียวกันในท้องตลาดในเวลาใกล้เคียงกันที่พอจะนำมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงราคาของรถยนต์พิพาทดังที่อ้าง การที่จำเลยใช้ราคาขายปลีกหักกำไรร้อยละ 50 แสดงให้เห็นว่า จำเลยมีกระบวนการคิดราคาและข้อมูลอ้างอิงอันควรเชื่อถือได้ ประกอบกับพยานหลักฐานอื่นในสำนวนไม่มีหลักเกณฑ์อื่นที่เหมาะสมไปกว่านี้ ดังนั้น การกำหนดมูลค่าราคารถยนต์พิพาทเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีสรรพสามิตจึงเหมาะสมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนฎีกาของโจทก์ที่ว่า มีเหตุสมควรงดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มหรือไม่ นั้น ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 (1) และ (4) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26

ครพ.ภษ. 12104/2563

             จำเลยที่ 1 กำหนดราคารถยนต์พิพาทโดยใช้หลักเกณฑ์ตามบันทึกกรมสรรพสามิต ด่วนมากที่ กค 0616/ว175 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 เรื่อง การจัดเก็บภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่ผลิตหรือประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ใช้แล้ว ซึ่งจำเลยที่ 1 ถือปฏิบัติเป็นการทั่วไปสำหรับผู้ประกอบอุตสาหกรรมทุกราย ฟ้องโจทก์อ้างว่า รถยนต์พิพาทตามฟ้องมีราคาต้นทุนทั้งหมดตามที่โจทก์ยื่นแบบเพื่อเสียภาษีสรรพสามิต แต่พยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏราคาขายปลีกของรถยนต์ใช้แล้วที่มีสภาพเดียวกันในท้องตลาดในเวลาใกล้เคียงกันที่พอจะนำมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงราคาของรถยนต์พิพาทดังที่อ้าง กลับปรากฏว่าจำเลยที่ 1 พิจารณาแล้วว่ารถยนต์พิพาทได้ผลิตหรือประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ใช้แล้ว จึงหักร้อยละ 50 ของราคาขายปลีกออกให้แล้ว แสดงให้เห็นว่า พยานจำเลยที่ 1 มีกระบวนการคิดราคาและข้อมูลอ้างอิงอันควรเชื่อถือได้ ประกอบกับพยานหลักฐานในสำนวนไม่มีหลักเกณฑ์อื่นที่เหมาะสมไปกว่านี้ ดังนั้นการกำหนดมูลค่าราคารถยนต์พิพาทเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีสรรพสามิตจึงเหมาะสมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาของโจทก์ไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งและวรรคสอง (1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26

ครพ.ภษ. 12131/2563

          จำเลยกำหนดราคารถยนต์พิพาทโดยใช้หลักเกณฑ์ตามบันทึกกรมสรรพสามิต ด่วนมาก ที่กค 0616/ว175 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 เรื่อง การจัดเก็บภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผลิตหรือประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ใช้แล้ว ซึ่งจำเลยถือปฏิบัติเป็นการทั่วไปสำหรับผู้ประกอบอุตสาหกรรมทุกราย ฟ้องโจทก์อ้างว่า รถยนต์พิพาทมีราคาประมาณ 300,000 บาท แต่พยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏราคาขายปลีกของรถยนต์ใช้แล้วที่มีสภาพเดียวกันในท้องตลาดในเวลาใกล้เคียงกันที่พอจะนำมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงราคาของรถยนต์พิพาทดังที่อ้าง กลับปรากฏว่าจำเลยพิจารณาแล้วว่ารถยนต์พิพาทได้ผลิตหรือประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ใช้แล้ว จึงหักกำไรร้อยละ 50 ของราคาขายปลีกออกให้แล้ว แสดงให้เห็นว่า พยานจำเลยมีกระบวนการคิดราคาและข้อมูลอ้างอิงอันควรเชื่อถือได้ ประกอบกับพยานหลักฐานในสำนวนไม่มีหลักเกณฑ์อื่นที่เหมาะสมไปกว่านี้ ดังนั้น การกำหนดมูลค่าราคารถยนต์พิพาทเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีสรรพสามิตจึงเหมาะสมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาของโจทก์ไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง (1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26

 

 

เผยแพร่โดย

แผนกภาษีอากรในศาลฎีกา

วันที่เผยแพร่
20/12/2564
เข้าดู
4
Share