ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง : คำพิพากษาผูกพันคู่ความ

ครพ.ภษ. 5542/2566

          ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประการเดียวว่า การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๖๕ ทวิ บัญญัติว่า “การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในส่วนนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้... (๔) ในกรณีโอนทรัพย์สิน ให้บริการ หรือให้กู้ยืมเงิน โดยไม่มีค่าตอบแทน ค่าบริการหรือดอกเบี้ยหรือมีค่าตอบแทน ค่าบริการหรือดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควรเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่าตอบแทน ค่าบริการหรือดอกเบี้ยนั้นตามราคาตลาดในวันที่โอน ให้บริการ หรือให้กู้ยืมเงิน...” เมื่อคดีก่อนที่โจทก์ฟ้องจำเลยขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะที่ถูกเรียกเก็บจากการที่โจทก์ขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นแปลงเดียวกับคดีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๒๑๒๙/๒๕๕๘ วินิจฉัยว่าราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินพิพาทเป็นราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในขณะนั้นและถือเป็นราคาตลาด คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และจำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นคู่ความในคดีดังกล่าวมิให้โต้เถียงเป็นอย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๒๖ การที่เจ้าพนักงานประเมินถือเอาราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินเป็นค่าตอบแทนตามราคาตลาดในวันที่โอนที่ดินพิพาทชอบแล้ว ดังนั้น การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของโจทก์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้ จึงไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๒๖ 

เผยแพร่โดย

แผนกภาษีอากรในศาลฎีกา

วันที่เผยแพร่
22/04/2567
เข้าดู
7
Share