ตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.๕ ข้อ ๕ วรรคสอง ระบุว่า “ในกรณีที่รถสูญหาย...ให้ถือว่าสัญญานี้สิ้นสุดลง โดยหากเป็นความผิดของผู้เช่า และ/หรือเนื่องจากการที่ผู้เช่าได้ปฏิบัติผิดข้อตกลงใด ๆ เกี่ยวกับการใช้รถตามที่ระบุในข้อ ๔ และ/หรือผู้เช่าปฏิบัติผิดสัญญาเกี่ยวกับการทำประกันภัยตามที่ระบุในข้อ ๗ วรรคแรก ทำให้เจ้าของไม่อาจได้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ ผู้เช่าจะต้องรับผิดชำระค่าเสียหายไม่น้อยกว่าจำนวนหนี้คงค้างชำระตามสัญญานี้ แต่หากเป็นกรณีอื่น ผู้เช่าต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดให้แก่เจ้าของจนครบถ้วนตามที่เจ้าของได้ใช้จ่ายไปจริงตามความจำเป็นและมีเหตุผลอันสมควร” ซึ่งข้อสัญญาที่ว่า “...ผู้เช่าปฏิบัติผิดสัญญาเกี่ยวกับการทำประกันภัยตามที่ระบุในข้อ ๗ วรรคแรก ทำให้เจ้าของไม่อาจได้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ ผู้เช่าจะต้องรับผิดชำระค่าเสียหายไม่น้อยกว่าจำนวนหนี้คงค้างชำระตามสัญญานี้... ทั้งดูที่การที่รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายไปมิใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อเป็นการขัดต่อประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.๒๕๔๓ ข้อ ๔ (๔) ที่ระบุว่า ข้อ ๔ ข้อสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคต้องไม่ใช้ข้อสัญญาที่มีลักษณะหรือมีความหมายทำนองเดียวกันดังต่อไปนี้ (๔) ข้อสัญญาที่กำหนดให้ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชำระค่าเช่าซื้อให้ครบถ้วนตามสัญญาในกรณีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อสูญหาย ถูกทำลาย ถูกยึด ถูกอายัด หรือถูกริบ โดยมิใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อ เว้นแต่ค่าเสียหายหรือเบี้ยปรับหรือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการทวงถาม การติดตามรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อ ค่าทนายความ หรือค่าอื่นใด เพียงเท่าที่ผู้ให้เช่าซื้อได้ใช้จ่ายไปจริงตามความจำเป็นและมีเหตุผลอันสมควร ซึ่งเป็นประกาศที่ใช้บังคับในขณะทำสัญญาเช่าซื้อ เอกสารหมาย จ.๕ ข้อสัญญาดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย ผู้ให้เช่าซื้อคงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือเบี้ยปรับ หรือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการทวงถามการติดตามรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อ ค่าทนายความ หรือค่าอื่นใด เพียงเท่าที่ผู้ให้เช่าซื้อได้ใช้จ่ายไปจริงตามความจำเป็นและมีเหตุผลอันสมควรเท่านั้น ซึ่งโจทก์จะเสียหายอย่างไร เพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับว่าความสูญหายของรถยนต์ที่เช่าซื้อเกิดจากความผิดของจำเลย และทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์เสียหายอันเนื่องมาจากความผิดของจำเลยเพียงใดประกอบกันด้วย เมื่อพิจารณาถึงรถยนต์ที่เช่าซื้อมีราคาเงินสดอยู่ที่ ๖๔๒,๐๕๖.๐๗ บาท โดยจำเลยได้ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์แล้วถึง ๔๐ งวด เป็นเงิน ๓๗๓,๑๙๖.๔๐ บาท เมื่อพิจารณารวมกับผลประโยชน์ตอบแทนที่โจทก์ควรจะได้รับเป็นดอกเบี้ยซึ่งโจทก์ไม่นำสืบว่าเสียหายเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปเพียงใด เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นเงิน ๗๕,๐๐๐ บาท (ฎีกาที่ ๖๘๖๕/๒๕๖๐)
เช่าซื้อ : กรณีรถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายไปมิใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อ (ฎีกาที่ ๖๘๖๕/๒๕๖๐)
เผยแพร่โดย
แผนกคดีผู้บริโภค
วันที่เผยแพร่
15/07/2564
เข้าดู
6
Share
คำพิพากษาที่น่าสนใจล่าสุด
ฎ.3589/2567
08/08/2568
ฎ.2656/2567
08/08/2568
ฎ.2646/2566
08/08/2568
ฎ.1542/2566
08/08/2568
ฎ.5097/2565
08/08/2568