โจทก์นำหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในฐานะเจ้าหนี้มีประกัน การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอกันส่วนเข้ามาในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นมีอำนาจพิจารณาคำร้องของผู้ร้องหรือไม่ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2565)

   คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2565 - ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุด โจทก์ได้นำหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา 96 (3) อันเป็นกรณีที่โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันได้สละสิทธิในการบังคับคดีแพ่ง ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 110 วรรคสาม อำนาจในการจัดการทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันจึงตกเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีแพ่งบังคับคดีต่อไป ก็ต้องถือว่าการขายทอดตลาดห้องชุดดังกล่าวของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และถือเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เมื่อทรัพย์ที่เป็นหลักประกันตกอยู่ในคดีล้มละลายแล้ว การพิจารณาคำร้องของผู้ร้องย่อมอยู่ในอำนาจของศาลที่พิจารณาคดีล้มละลาย การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอกันส่วนค่าใช้จ่ายส่วนกลาง อันเป็นเวลาภายหลังจากที่ทรัพย์หลักประกันตกเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายซึ่งอยู่ในอำนาจจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ศาลชั้นต้นในคดีนี้จึงไม่มีอำนาจพิจารณาคำร้องของผู้ร้อง และการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งว่าหากผู้ร้องประสงค์จะคัดค้านประการใดให้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 252 

เผยแพร่โดย

แผนกคดีล้มละลายฯ

วันที่เผยแพร่
04/07/2566
เข้าดู
4
Share