ครพ.ภษ. 5537/2561
ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2561 ซึ่งวางหลักว่าพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 มาตรา 31 วรรคหนึ่ง ให้สิทธิประโยชน์โดยยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนหาใช่ยกเว้นไม่ต้องนำรายได้จากกิจการหรือ เนื่องจากกิจการดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร ประกาศกรมสรรพากรเป็นลักษณะเพื่อให้การคำนวณภาษีเป็นไปโดยถูกต้องและมีแนวปฏิบัติชัดเจน โดยหลักการปันส่วนหรือเฉลี่ยเป็นหลักเกณฑ์ที่ยอมรับกันทั่วไปทางบัญชี เป็นไปตามหลักแห่งการได้สัดส่วน มีความเป็นธรรมและเสมอภาค ย่อมเป็นวิธีการที่เหมาะสม ซึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้วินิจฉัยสอดคล้องกับแนวคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 มาตรา 32/1 ที่บัญญัติเพิ่มโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2560 มาตรา 12 ก็ได้บัญญัติชัดแจ้งว่า การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของผู้ได้รับการส่งเสริมซึ่งได้รับสิทธิและประโยชน์ทางภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เป็นไปตามประมวลรัษฎากร ดังนั้น ฎีกาของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นกรณีที่การวินิจฉัยของศาลฎีกาจะเป็นการพัฒนาการตีความกฎหมาย อันไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย