ครพ.ภษ. 2466/2562
ทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยรายการใดจะได้รับยกเว้นภาษีดังกล่าวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในการใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นการใช้ในกิจการการรถไฟโดยตรงหรือไม่ และข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปีได้ ดังนั้น ในการพิจารณาว่า ทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยดังกล่าวจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินในปีภาษีใดก็ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงในการใช้ทรัพย์สินในปีภาษีนั้น และข้อเท็จจริงในแต่ละปีภาษีอาจมีผลให้ได้รับยกเว้นหรือไม่ได้รับยกเว้นแตกต่างกันไปได้ สำหรับข้อเท็จจริงในการใช้ทรัพย์สินโรงพักสินค้าสำหรับกองเก็บสินค้า ลานคอนกรีตสำหรับกองเก็บสินค้า ลานจอดรถ และบริเวณที่ใช้ปฏิบัติงานอื่น ๆ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ในท้องที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ในปีภาษี 2550 ถึงปีภาษี 2557 นั้น ปรากฏรายละเอียดข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ทำสัญญาสัมปทานอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ใช้ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่องหรือไอซีดี (ICD) ลาดกระบัง เพื่อประกอบกิจการให้บริการอำนวยความสะดวกต่อการขนถ่ายตู้สินค้าและสินค้าที่ขนส่งทางเรือระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสินค้านำเข้าและส่งออกผ่านท่าเรือที่ได้รับอนุมัติให้ขนส่งตู้สินค้าและสินค้าดังกล่าว โดยโจทก์ที่ 2 เป็นนิติบุคคลซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการขนส่งและขนถ่ายสินค้าและคนโดยสารทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งรับบริการนำของออกจากท่าเรือตามพิธีการศุลกากร และการจัดระวางการขนส่งทุกชนิด ตลอดจนรับเป็นตัวแทน นายหน้าของกิจการดังกล่าวนี้ โดยกรณีสินค้านำเข้าเมื่อมีการขนส่งตู้สินค้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบังแล้วจะยังมีการขนส่งไปยังสถานีไอซีดี (ICD) ลาดกระบังที่โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ประกอบการ โดยโจทก์ที่ 2 จะแยกหรือนำสินค้าออกจากตู้สินค้ามีการดำเนินพิธีการศุลกากร แล้วขนส่งสินค้าให้ผู้รับสินค้า ส่วนกรณีสินค้าส่งออก จะมีการขนส่งสินค้ามายังสถานีไอซีดี (ICD) ลาดกระบัง เพื่อดำเนินพิธีการศุลกากร และโจทก์ที่ 2 จะนำสินค้าบรรจุเข้าตู้สินค้าแล้วขนส่งตู้สินค้าไปยังท่าเรือแหลมฉบังเพื่อขนส่งสินค้าทางเรือไปส่งให้ผู้รับในต่างประเทศ ซึ่งในปีภาษี 2550 ถึงปีภาษี 2557 โจทก์ที่ 2 ใช้รถบรรทุกขนส่งตู้สินค้าระหว่างสถานีไอซีดี (ICD) ลาดกระบังกับท่าเรือแหลมฉบังเป็นส่วนใหญ่ อันมีลักษณะเป็นทำนองเดียวกับการประกอบการโรงพักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับกิจการท่าเรือพาณิชย์ในการขนส่งสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรและขนส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักร ข้อเท็จจริงที่ได้ความเช่นนี้ทำให้เห็นได้ว่า ลักษณะการที่โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ประกอบการใช้สถานีไอซีดี (ICD) ลาดกระบังประกอบกิจการโรงพักสินค้าในปีภาษี 2550 ถึงปีภาษี 2557 นั้น ไม่มีลักษณะที่จะถือว่าเป็นการใช้ทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยดังกล่าวในกิจการการรถไฟโดยตรง จึงไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตามพ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินฯ มาตรา 9 (2) ตามเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้น ประกอบกับฎีกาของโจทก์ทั้งสองไม่มีผลที่จะวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ จึงไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย
ครพ.ภษ. 961/2564
ก่อนจะประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้เข้าตรวจตราโรงเรือนพิพาท ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 23 พร้อมถ่ายภาพพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ภายในโรงเรือนพิพาท ทำบันทึกสอบสวนข้อเท็จจริงนาย ป. หัวหน้ากองปฏิบัติการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังของโจทก์ที่ 1 มีคำสั่งให้โจทก์ที่ 1 แสดงรายการค่ารายปีเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 21 และมีหมายเรียกให้โจทก์ที่ 1 จัดส่งเอกสารเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 22 หรือมาตรา 28 จึงถือได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้สอบสวนโดยการไต่สวนหรือโดยวิธีอื่นว่าคำร้องขอของโจทก์ที่ 1 ควรได้รับการยกเว้นภาษีหรือไม่แล้ว และการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 มีใบแจ้งรายการประเมิน (ภ.ร.ด.8) ไปถึงโจทก์ที่ 1 ให้ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมแจ้งเหตุผลในการประเมินไปด้วยว่า สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง สถานีอี ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในกิจการของการรถไฟโดยตรง จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตามมาตรา 9 (2) แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ทั้งโจทก์ทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ ถือได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้แจ้งคำชี้ขาดไปยังโจทก์ที่ 1 แล้ว การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินและคำชี้ขาดจึงชอบด้วยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 33 และมาตรา 34
ทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยรายการใดจะได้รับยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 9 (2) หรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในการใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นการใช้ในกิจการการรถไฟโดยตรงหรือไม่ และข้อเท็จจริงดังกล่าวอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปีได้ ดังนั้นในการพิจารณาว่า ทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยดังกล่าวจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินในปีภาษีใดก็ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงในการใช้ทรัพย์สินในปีภาษีนั้น และข้อเท็จจริงในแต่ละปีภาษีอาจมีผลให้ได้รับยกเว้นหรือไม่ได้รับยกเว้นแตกต่างกันไปได้ สำหรับข้อเท็จจริงในการใช้ทรัพย์สินโรงพักสินค้าสำหรับกองเก็บสินค้า ลานคอนกรีตสำหรับกองเก็บสินค้า ลานจอดรถ และบริเวณที่ใช้ปฏิบัติงานอื่น ๆ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ในท้องที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ปีภาษี 2559 นั้น ปรากฏรายละเอียดข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยทำสัญญาสัมปทานอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ใช้ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง เพื่อประกอบกิจการให้บริการอำนวยความสะดวกต่อการขนถ่ายตู้สินค้าและสินค้าที่ขนส่งทางเรือระหว่างประเทศซึ่งรวมถึงสินค้านำเข้าและส่งออกผ่านท่าเรือที่ได้รับอนุมัติให้ขนส่งตู้สินค้าและสินค้าดังกล่าวโดยโจทก์ที่ 2 เป็นนิติบุคคลซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการขนส่งและขนถ่ายสินค้าให้บริการโรงพักสินค้า เพื่อการจัดทำหีบห่อพร้อมการบรรจุสินค้าเพื่อการส่งออก รวมทั้งรับบริการนำของออกจากท่าเรือตามพิธีศุลกากร โดยกรณีสินค้านำเข้าเมื่อมีการขนส่งตู้สินค้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบังแล้วจะมีการขนส่งไปยังสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ที่โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ประกอบการ โดยโจทก์ที่ 2 จะแยกหรือนำสินค้าออกจากตู้สินค้า มีการดำเนินพิธีการศุลกากร แล้วขนส่งสินค้าให้ผู้รับสินค้า ส่วนกรณีสินค้าส่งออกจะมีการขนส่งสินค้ามายังสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบังเพื่อดำเนินพิธีการศุลกากร และโจทก์ที่ 2 จะนำสินค้าบรรจุเข้าตู้สินค้าแล้วขนส่งตู้สินค้าไปยังท่าเรือแหลมฉบังเพื่อขนส่งสินค้าทางเรือไปส่งให้ผู้รับในต่างประเทศ ซึ่งในปีภาษี 2559 โจทก์ที่ 2 ใช้รถยนต์ในการบรรทุกขนส่งตู้สินค้า ระหว่างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง กับท่าเรือแหลมฉบังเป็นส่วนใหญ่ อันมีลักษณะเป็นทำนองเดียวกับการประกอบการโรงพักสินค้าท่าเรือพาณิชย์ในการขนส่งสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรและขนส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร ข้อเท็จจริงที่ได้ความเช่นนี้ทำให้เห็นได้ว่า ลักษณะการที่โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ประกอบการใช้สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ประกอบกิจการในปีภาษี 2559 นั้น ไม่มีลักษณะที่จะถือว่าเป็นการใช้ทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยดังกล่าวในกิจการการรถไฟโดยตรง จึงไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 9 (2)
โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องว่า การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 นำค่าสัมปทานทั้งหมดมาเป็นค่ารายปีและประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินไม่ถูกต้อง การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินต้องคำนวณว่าการให้ใช้สถานที่มีมูลค่าเท่าใดจึงจะสามารถประเมินภาษีได้ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1 จะต้องนำค่ารายปีและค่าภาษีที่มีบุคคลหรือผู้รับประเมินในบริเวณนั้นทั้งหมดมาประกอบการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน โดยค่ารายปีมีอัตราร้อยละ 40 ของค่าสัมปทานทั้งหมดตามสัญญาสัมปทานแต่ละปีนั้น เป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองเห็นว่า จำนวนเงินที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ประเมินไว้และจำเลยที่ 2 มีคำชี้ขาดนั้นมีจำนวนที่สูงเกินสมควร เมื่อโจทก์ที่ 1 เป็นรัฐวิสาหกิจ โจทก์ที่ 1 ต้องนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำชี้ขาด ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 31 วรรคท้าย เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาลดหย่อนค่ารายปีสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) สถานีอี ประจำปีภาษี 2559 ให้แก่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้องและโจทก์ที่ 2 ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องเช่นเดียวกับโจทก์ที่ 1 ฎีกาของโจทก์ทั้งสองไม่อาจมีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง (1) (2) (4) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26
ครพ.ภษ. 6316/2563
สัญญาลงทุน บริหารและประกอบการท่าเทียบเรือตู้สินค้าซี 3 มีสาระสำคัญที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยยอมให้โจทก์ใช้ทรัพย์สินและโจทก์มีหน้าที่ดูแลรักษากับเอาประกันภัยทรัพย์สินนั้นเพื่อประโยชน์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยและยังมีการกำหนดค่าตอบแทนที่โจทก์ต้องชำระแก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย อันแสดงถึงสิทธิและหน้าที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยและโจทก์เป็นเช่นเดียวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่าและผู้เช่าตามสัญญาเช่าทรัพย์ แม้การชำระเงินเป็นค่าตอบแทนในการที่โจทก์ได้รับสิทธิตามสัญญานี้อาจมีบางส่วนที่คิดเป็นค่าตอบแทนในการให้สิทธิโจทก์ได้เข้าดำเนินการท่าเรือเพื่อแสวงหากำไรเป็นของโจทก์ได้ก็ตาม แต่ก็มีค่าธรรมเนียมที่ตอบแทนการที่โจทก์ได้ใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือ ซี 3 ที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้จัดไว้ให้ ซึ่งคิดในลักษณะเป็นค่าเช่าเป็นผลตอบแทนจากที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยให้เช่าท่าเทียบเรือซี 3 ด้วย ย่อมแสดงว่าสัญญาระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทยกับโจทก์แม้จะมีข้อสัญญาที่มีวัตถุประสงค์หลายอย่าง แต่อย่างน้อยก็มีวัตถุประสงค์ในการให้สิทธิโจทก์ใช้ทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยโดยคิดผลตอบแทนที่ถือเป็นค่าเช่าด้วย ดังนั้น ไม่ว่าบรรดาวัตถุประสงค์ของสัญญานี้จะมีบางส่วนเป็นสัญญาสัมปทานดังที่โจทก์ฎีกาก็ตาม แต่ก็มีส่วนที่มีวัตถุประสงค์เป็นการเช่าทรัพย์สินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีการประเมินเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินรวมอยู่ด้วย ย่อมถือได้ว่าทรัพย์สินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยดังกล่าวเป็นอาคารและที่ดินที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยให้เช่า ตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2499 มาตรา 17 ตอนท้าย ซึ่งเป็นบทยกเว้นความตอนต้นของมาตรานี้ จึงมีผลให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยไม่ได้รับยกเว้นจากการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินในทรัพย์สินดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยว่า สัญญาระหว่างโจทก์กับการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นสัญญาเช่า การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินจึงชอบแล้วและเป็นไปตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9472/2558 และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4273/2560 ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นกรณีที่คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่สำคัญซึ่งยังไม่มีแนวคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกามาก่อน และไม่เป็นปัญหาสำคัญอื่นตามข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง วรรคสอง (3) และ (6) และข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการขออนุญาตฎีกาในคดีแพ่ง พ.ศ. 2558 ข้อ 13 (2) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26