ครพ.ภษ. 6599/62
ประมวลรัษฎากร มาตรา 91/7 บัญญัติให้ผู้ขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 91/2 (6) มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และมาตรา 91/11 (1) บัญญัติให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนภาษีภายในสามปีนับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้ใช้บังคับแก่กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษี ตามกฎหมายเท่านั้น มิอาจตีความขยายรวมไปถึงผู้ไม่มีหน้าที่เสียภาษีหรือผู้ที่ถูกพนักงานเจ้าหน้าที่เรียกเก็บภาษีแทนผู้มีหน้าที่เสียภาษีไปด้วยกรณีนี้สำนักงานบังคับคดีจังหวัดพิจิตรเป็นผู้ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของนาย ป ลูกหนี้ตามคำพิพากษา นาย ป จึงเป็นผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแต่ตามสำเนาหนังสือสัญญาซื้อขาย ข้อ 6 ระบุให้โจทก์ผู้ซื้อเป็นผู้รับผิดชอบในค่าธรรมเนียมการโอน ค่าภาษีต่าง ๆ จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และค่าอากรตามประมวลรัษฎากร ซึ่งทั้งโจทก์และจำเลยต่างนำสืบรับกันว่า โจทก์เป็นผู้ชำระเงินค่าภาษีตามสัญญาซื้อขาย โดยที่นาย ป ถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาเกิน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ไม่เข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร จึงไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากรประกอบมาตรา 4 (6) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541 เมื่อนาย ป ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิยึดเงินค่าภาษีในส่วนที่โจทก์จ่ายไปในนามนาย ป ดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะจากจำเลยจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 91/11 แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับเงินภาษีดังกล่าวคืน ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน และไม่เป็นกรณีที่การวินิจฉัยของศาลฎีกาจะเป็นการพัฒนาการตีความกฎหมาย อันไม่เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง (1) และ (5)